ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เงินได้ที่นายจ้างให้เมื่อออกจากงาน เสียภาษีอย่างไร
เมื่อต้องออกจากงานไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เราก็ยังต้องมีภาระภาษีที่ต้องบริหารจัดการกันอยู่ บทความนี้จึงนำเสนอข้อมูลและภาระภาษีที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ที่ถูกเลิกจ้าง หมดสัญญาจ้าง และเกษียณอายุโดยที่ลูกจ้างไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ว่าต้องมีการเสียภาษีอย่างไร เพื่อให้ลูกจ้างในกลุ่มดังกล่าวได้วางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ก่อนอื่น เรามาดูกันว่าเงินก้อนที่ได้เมื่อออกจากงานมีอะไรบ้าง และมีทางเลือกในการเสียภาษีอย่างไร
1. เงินค่าชดเชย
เป็นเงินที่จะได้รับเมื่อออกจากงานตามกฎหมายแรงงานเนื่องจากถูกเลิกจ้าง ไล่ออก หมดสัญญาจ้าง และเกษียณอายุโดยที่ลูกจ้างไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ทั้งนี้อัตราค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานจะคิดตามอายุงานที่ทำงานกับนายจ้างรายนี้และใช้อัตราเงินเดือนล่าสุดสำหรับการคำนวณค่าชดเชย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
อายุงาน |
อัตราค่าชดเชย |
ไม่ถึง 120 วัน |
ไม่มีสิทธิได้รับ |
120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี |
ได้รับค่าชดเชย 30 วัน |
1 ปีแต่ไม่ถึง 3 ปี |
ได้รับค่าชดเชย 90 วัน |
3 ปีแต่ไม่ถึง 6 ปี |
ได้รับค่าชดเชย 180 วัน |
6 ปีแต่ไม่ถึง 10 ปี |
ได้รับค่าชดเชย 240 วัน |
10 ปีแต่ไม่ถึง 20 ปี |
ได้รับค่าชดเชย 300 วัน |
ครบ 20 ปีขึ้นไป |
ได้รับค่าชดเชย 400 วัน |
อย่างไรก็ตามหากเป็นกรณีที่ลาออกด้วยความสมัครใจ หรือถูกไล่ออกด้วยความผิดร้ายแรง จะไม่ได้รับเงินค่าชดเชยนี้ นอกจากนี้การเลิกจ้างยังแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
2.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เมื่อออกจากงานไม่ว่าด้วยสถานะใดก็ตาม จะมี 3 ทางเลือก ดังนี้
1.เงินสะสม ซึ่งเป็นเงินที่ถูกหักจากเงินเดือนทุกเดือนเพื่อสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
2 ผลประโยชน์ของเงินสะสม
3 เงินสมทบ เป็นเงินที่นายจ้างสมทบเพิ่มให้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4 ผลประโยชน์ของเงินสมทบ
ในทางกฎหมาย หากถอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยที่มีอายุสมาชิกไม่ครบ 5 ปีและยังมีอายุไม่ครบ 55 ปีบริบูรณ์ เราจะต้องนำเงินในข้อ 2 – 4 มาเสียภาษีด้วย ส่วนเงินสะสมที่เราได้รับคืนมา ไม่ต้องนำมาเสียภาษี ซึ่งมีวิธีการเสียภาษีอย่างใด จะเล่าให้ฟังต่อไป
ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ และคงเงินเก็บเพื่อการเกษียณอายุไว้ แนะนำว่าหากออกจากงานที่ไม่ใช่การเกษียณอายุ ให้เลือกขอคงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อโอนไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่ (หากมี) หรือโอนย้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจะดีกว่า เพื่อที่จะไม่ต้องนำเงินก้อนนี้มาเสียภาษี
3. วิธีเสียภาษีสำหรับเงินก้อนที่ได้รับเมื่อออกจากงาน
วิธีการคำนวณภาษีในใบแนบ
เงินที่นายจ้างให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน AAA บาท
หัก ค่าใช้จ่าย
รวมค่าใช้จ่าย DDD บาท
เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย EEE บาท
คำนวณภาษีที่ต้องชำระ (ตามขั้นบันได*) FFF บาท
* เสียภาษี 5% ตั้งแต่บาทแรก หรือ 150,000 บาทแรกไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี
เพื่อให้เห็นภาพเรามาดูตัวอย่างกันดีกว่า สมมติว่านายมั่งคั่งทำงานมา 10 ปีเต็ม ถูกให้ออกจากงานเนื่องจากนายจ้างต้องการปิดกิจการ โดยได้เงินเดือน 50,000 บาท ได้รับเงินชดเชย 500,000 บาท และมีเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังหักเงินสะสมแล้วอีก 750,000 บาท (อายุสมาชิก 10 ปี) เนื่องจากมีอายุงานและอายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเกิน 5 ปี สามารถยื่นภาษีด้วยใบแนบได้ สามารถคำนวณได้ดังนี้
เงินที่นายจ้างให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน |
|
เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ไม่รวมเงินสะสม) |
750,000 บาท |
เงินชดเชยหักส่วนที่ได้ยกเว้น 300,000 บาท |
200,000 บาท |
รวมเป็นเงิน |
950,000 บาท |
คำนวณค่าใช้จ่าย |
|
ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x 10) |
70,000 บาท |
ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง (950,000 – 70,000) x 50% |
440,000 บาท |
รวมค่าใช้จ่าย |
510,000 บาท |
เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย |
440,000 บาท |
คำนวณภาษีเงินได้ที่ต้องชำระ |
29,000 บาท |
(300,000 x 5% + 140,000 x 10%) |
|
จะเห็นว่าการยื่นผ่านใบแนบจะเสียภาษีเพียง 3.05% (29,000/950,000) ของเงินก้อนที่ได้รับ ทำให้ประหยัดภาษีไปได้มากหากเทียบกับการนำไปรวมกับรายได้ประเภทอื่นๆ
อย่างไรก็ตามหากเราทำงานกับนายจ้างนี้ไม่ถึง 5 ปี และมีอายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่ถึง 5 ปีเราจะไม่ได้รับสิทธิยื่นเสียภาษีเงินก้อนนี้ด้วยใบแนบ แต่ต้องนำเงินก้อนทั้งหมดที่ได้รับไปรวมกับรายได้อื่นๆ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้เราต้องเสียภาษีในฐานภาษีที่สูงขึ้น
ดังนั้นหากเกิดเหตุที่ทำให้ถูกออกจากงาน ต้องมาพิจารณาวางแผนภาษีให้รอบด้าน หากสามารถวางแผนคงเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้โดยไม่ถอนออกมา ก็จะทำให้ลดภาระภาษีไปได้มากเลยทีเดียว นอกจากนี้การรู้จักใช้สิทธิใบแนบถือเป็นตัวช่วยบรรเทาภาษีและเพื่อรักษาเงินก้อนสุดท้ายให้ได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน
บทความโดย : นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร