ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ลาออก “ดี” ไหม?
เรื่อง: ใบพัด ภาณุมาศ ทองธนากุล
Hi-Light:
เช้านั้น เฟซบุ๊กในมือถือแจ้งเตือนว่า วันนี้เมื่อปีก่อนผมเคยโพสต์อะไรไว้
เฟซบุ๊กจดจำให้เราด้วยฟังก์ชัน Memories (On this day) แล้วช่วยรื้อความทรงจำวันนี้ในอดีตขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่ผมพบคือ ข้อความเมื่อหกปีที่แล้ว ที่กำลังแสดงความไม่พอใจต่อโลก โอ้โห...ช่างเกรี้ยวกราด เหมือนไม่ใช่ตัวเองเขียน โชคดีที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ไม่ชอบตัวเองเวอร์ชันนั้นเลย ข้อความโมโหร้ายนั้น ไม่เป็นประโยชน์กับใคร มุมมองก็คับแคบ ผมจึงกดลบมันทิ้งไปได้ไม่ยาก
การลบ Memories ในเฟซบุ๊กส่วนตัวครั้งนั้นทำให้นึกถึงเพจการลาออกครั้งสุดท้ายที่ผมทำมาหลายปีแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะเขียนให้แรงบันดาลใจคนทำงานรุ่นใหม่เพื่อการจัดการชีวิตและวางแผนการเงิน แต่โพสต์เก่าๆ บางโพสต์ผมก่นด่าเจ้านายแทนลูกเพจ หรือไม่ก็เรียกร้องความยุติธรรมให้คนทำงาน ซึ่งยอดไลก์ระเบิดเถิดเทิงทุกครั้ง
แต่ตอนนี้ผมไม่อยากทำอย่างนั้นแล้ว ต่อให้ได้ความนิยมก็เถอะ ผมไม่อยากส่งต่อความรู้สึกไม่ดีไปสู่คนอื่นๆ ผมอาจเคยทุกข์ทรมานกับระบบการทำงาน จนลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตกระทั่งลาออกมาได้ ทว่าพอได้มาใช้ชีวิตอย่างลงรายละเอียด ได้ออกเดินทาง ได้อ่านหนังสือมากขึ้น และได้พูดคุยกับผู้คนที่หลากหลาย ผมก็พบว่าจริงๆ แล้ว ชีวิตจะมอบบทเรียนให้ผู้ที่อยากเรียนเสมอ
หากมองให้ดี การเป็นลูกจ้างก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่อะไร คนที่จัดการชีวิตได้ลงตัวมีอยู่มากมาย ในขณะเดียวกันการเป็นนายตัวเอง ก็ไม่ได้น่าอิจฉาไปทุกเรื่อง เบื้องหลังชีวิตของฟรีแลนซ์หลายคนต้องโหมงานแบบโต้รุ่งเพราะกำลังเผชิญการแข่งขันจากรอบด้าน หรือเจ้าของกิจการมากมายที่ต้องวิ่งวุ่นไม่มีวันหยุดเพื่อหาเงินมาอุดค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อมองเหลี่ยมมุมนี้ ชีวิตลูกจ้างที่รับผิดชอบเฉพาะงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ภายใต้เงื่อนไขการทำงานที่ชัดเจน มีวันหยุด มีสวัสดิการ ได้รับเงินเดือนแน่นอน ก็ดูดีไม่น้อย
ผมเองพอลาออกจากงานมาเป็นนักเขียนอิสระ บอกได้เลยว่า ชีวิตมีความไม่ได้ดั่งใจเข้ามาเสมอ ต่อให้มีวันว่างๆ ไม่ต้องทำอะไร ก็ยังต้องเผชิญกับความรู้สึกไร้คุณค่า อิสรภาพที่พยายามไขว่ขว้ามา กลายเป็นความทุกข์ทรมานได้ หากแค่ทำตามใจเรื่อยเปื่อยไปวันๆ และรู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย
ฉะนั้นหากมีพนักงานรุ่นใหม่ที่กำลังอึดอัดกับงาน เข้ามาถามผมว่า “ลาออกดีไหม?” สิ่งที่จะได้จากอดีตผู้ที่เปลี่ยนงานบ่อยคนหนึ่งอย่างผม ก็คือคำขอโทษ...เพราะไม่ทราบจริงๆ ครับ
การเออออห่อหมกไปกับผู้กำลังทุกข์ใจนั้นง่าย เชียร์ให้ลาออกเขาคงสบายใจขึ้น แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมพบว่า ภาระและข้อจำกัดในชีวิตแต่ละคนต่างกัน มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้รายละเอียดประกอบการตัดสินใจมากกว่าใคร การเข้าไปช่วยเขาตัดสินใจเรื่องแบบนี้ก็เหมือนเราช่วยเขาโยนเหรียญเสี่ยงทาย ลาออกแล้วอาจเปลี่ยนชีวิตดีขึ้น หรือออกไปแล้วชีวิตตกต่ำทุลักทุเลลงกว่าเดิมก็ได้
ที่ผ่านมาตัวผมเองยังตัดสินใจพลาดหลายครั้ง มองย้อนกลับไปบางทีก็รู้สึกเสียดายที่ด่วนลาออกจากบริษัทบางแห่งเร็วไปหน่อย หากอดทนอีกนิด ผมจะได้เรียนรู้และได้คว้าโอกาสสำคัญ การลาออกหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป แม้ออกแล้วจะรู้สึกโล่งใจ แต่มันจะปลูกฝังนิสัยไม่ดีกับเรา ยิ่งทำให้อยากหนีทุกครั้งที่เจอปัญหา ซึ่งคนเราจะหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้
ความคิดจอมเจ้าเล่ห์ของเรามักสร้างภาพลวงตาภาพขึ้นมา เป็นภาพที่ว่าทางเลือกต่างๆ ที่เราไม่ได้เลือกนั้น เลิศเลอกว่าสิ่งที่เราได้เลือกอยู่ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่ากำลังพลาดอะไรไป จนเกิดความทุกข์ใจโดยไม่จำเป็น กลายเป็นว่าทุกนาทีที่มีชีวิตอยู่คือการสูญเสียโอกาส มีแต่ความทรงจำของการไม่ชอบชีวิตตัวเอง
แต่ความจริงก็คือ ไม่ว่าเลือกชีวิตแบบไหน มันจะมีข้อจำกัดในแบบของมัน ไม่มีบริษัทไหนไม่มีปัญหา หากหนีเพราะไม่อยากเจอปัญหา บอกเลยครับ หนีไม่พ้นแน่ ยิ่งปัญหาอยู่ที่ความคิดความเชื่อของเราด้วยแล้ว เราจะพบว่าถึงเปลี่ยนที่ทำงานไป แต่ก็ยังเจอปัญหาเดิมในที่ใหม่อยู่ดี เว้นเสียแต่เราจะค่อยๆ ปรับความคิดไปว่า การทำงานคือการแก้ปัญหา และไม่ฟูมฟายมากไปกับความไม่ได้ดั่งใจต่างๆ “อะไรแก้ได้ก็แก้ไป...ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจ อะไรที่แก้ไม่ได้...ทุกข์ใจไปก็ไม่มีประโยชน์” หากอยู่กับความคิดนี้ได้ เราจะทุกข์น้อยลง และจะอยู่กับที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องลาออกหนีไปเรื่อยๆ อีก แถมผู้ที่มีทัศนคติแบบนี้ก็เป็นบุคคลทรงคุณค่าที่บริษัทต่างๆ ต้องการตัวด้วย
ส่วนท่านที่รู้สึกเบื่อสุดๆ แล้วกับงานในระบบ มองออกนอกหน้าต่างไปเห็นฟ้าสวยแดดใสก็อาจคิดว่า อยากออกไปเป็นฟรีแลนซ์ หรือไปทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง น่าจะสบายใจกว่า ยังไงๆ ก็ดีกว่าอยู่ที่เดิมแน่
แน่ใจหรือครับว่าจะดีกว่า? จริงอยู่ เราอาจเคยได้ยินเรื่องราวผู้ที่ลาออกจากงานประจำแล้วประสบความสำเร็จกับธุรกิจของเขา หรือกลายเป็นฟรีแลนซ์ผู้โด่งดัง ขอให้ทราบตรงกันก่อนว่า นั่นคือส่วนน้อย ผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์ที่ยังต้องดิ้นรนในสมรภูมิแห่งความฝันนี้ยังมีอีกมหาศาล สภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ใช่ว่าจะดีไปทุกอุตสาหกรรม การที่ยังมีงานทำ มีเงินเดือนทุกเดือนอาจไม่เลวร้ายนัก ฉะนั้นก่อนจะด่วนตัดสินใจอะไรไป ท่านควรตรวจสอบตัวเองอย่างหนักหน่วงก่อนว่า พร้อมเผชิญหน้ากับความลำบาก และฟาดฟันกับปัญหาอุปสรรคที่จะกระหน่ำถาโถมเข้ามาทุกทิศทุกทางหรือเปล่า
เราสามารถเลือกชีวิตที่ต้องการได้ก็จริง แต่ก็ปฏิเสธผลสืบเนื่องของสิ่งที่เราตัดสินใจไม่ได้ แต่ถ้ามั่นใจและพร้อมรับกับทุกปัญหา ก็ลุยเลยครับ! เดี๋ยวนี้การลุกขึ้นมาส่งเสียงไม่พอใจอะไรซักอย่างนั้นไม่ยากเลย เหนื่อยงาน เหนื่อยคน แล้วอยากบ่นด่าในโลกโซเชียลก็ทำได้ง่าย แถมทำแล้วก็ได้เสียงเชียร์เพียบ แต่ความรู้สึกรุนแรงที่ส่งออกไป ไม่เพียงจะถูกบันทึกลงใน Memories ของเฟซบุ๊ก ทว่ายังจะถูกประทับลงในใจเราด้วย
ถึงวันหนึ่ง เราอาจกดเข้าไปลบสิ่งที่อยู่ใน Memories ในเฟซบุ๊กได้ก็จริง แต่สมองเราไม่มีฟังก์ชันแบบที่คอยกระตุกเตือนเราทุกวันว่า วันนี้ของปีก่อนๆ เราเคยคิดเคยเชื่ออะไร หากเราไม่ชอบชีวิตตัวเองไปวันแล้ววันเล่า และเลือกที่จะประทับความคิดลบให้ฝังติดในความทรงจำแล้ว เราอาจตกหล่มในอคติไปตลอดชีวิต
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานๆ หาเงินๆ แล้วก็จากไป สิ่งมีค่าที่จะหลงเหลือในบั้นปลายชีวิตคนๆ หนึ่ง ไม่ใช่ตำแหน่งหรือโล่รางวัล ทุกวันที่ไปทำงาน เรากำลังสะสมความทรงจำที่มีต่อชีวิตไปด้วย ซึ่งคงจะดี หากความทรงจำที่เราสะสมไว้ในตลอดชีวิตคือ ความทรงจำที่เราอยากเก็บไว้
ไม่ใช่อยากลบออก