มนุษย์เงินเดือน ลงทุนอย่างไรให้มีเงินเป็นล้าน

หนึ่งในความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคล และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ละเลยในการวางแผนการเงินของตนเองคือ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องของคนรวย ไม่ใช่เรื่องของคนจน และคนเกือบจน (คนชั้นกลาง) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดมากๆ อันที่จริงแล้วการวางแผนการเงินส่วนบุคคลเกี่ยวข้องโดยตรงกับคนทุกระดับฐานะการเงินไม่ว่าจะมีหรือจน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่คิดว่าตัวเองรายได้น้อย หรือมีเงินไม่มากพอสำหรับการลงทุน อาจไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถลงทุนให้มีเงินเป็นล้าน (และหลายๆ ล้านได้) ซึ่งในบทความนี้จะนำเสนอวิธีการลงทุนให้มีเงินเป็นล้านได้

จากภาพข้างบน แค่เราออมเงินวันละ 20, 30, 50, 70 หรือ 100 บาทต่อวันและนำไปหาการลงทุนให้ได้อัตราผลตอบแทนคาดหวัง 6% ต่อปี เมื่อครบ 20 ปีเราจะมีเงิน 264,856 บาท 397,284 บาท 662,141 บาท 926,997 บาท หรือ 1,324,281 บาทตามลำดับ จะเห็นว่าเพียงเท่านี้เราก็สามารถ ‘รวย’ ได้ไม่ยากเลย


นอกจากนี้หากเรามีระยะเวลาลงทุนที่ยาวขึ้น เช่น 40 ปี ผลของการลงทุนจะมหัศจรรย์มากยิ่งขึ้น ตามภาพดังนี้

จากภาพ หากเรามีระยะเวลาการลงทุนที่มากพอ จะทำให้พลังของดอกเบี้ยทบต้นได้ทำงานมากขึ้น และเราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นตามไปด้วย การสะสมเงินเพื่อให้เงินนั้นทำงานให้เราด้วยพลังแห่งการทบต้นของดอกเบี้ย จึงเป็นเคล็ดลับของการประสบความสำเร็จทางการเงินอย่างแท้จริง


พลังของดอกเบี้ยทบต้นประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ เงินต้น ระยะเวลาในการลงทุน และอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ขออธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละองค์ประกอบ ดังนี้

  • เงินต้น เราต้องออมเงินหรือมีเงินลงทุนในแต่ละเดือนให้เป็นจำนวนที่มากพอ เพราะยิ่งออมมากขึ้นเท่าไร ดอกเบี้ยที่ได้รับในแต่ละเดือนก็จะยิ่งมีนัยสำคัญมากขึ้นเท่านั้น เงินหนึ่งพันบาทอาจให้ดอกเบี้ยเป็นแค่เศษสตางค์เท่านั้น มันจึงแทบไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราได้เลย แต่ดอกเบี้ยของเงินหนึ่งแสนบาทอาจให้ผลที่ต่างกัน

  • ความนานหรือระยะเวลาในการลงทุน ยิ่งออมหรือลงทุนติดต่อกันได้นานมากเท่าไร ดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งแสดงพลังที่น่าตกใจออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น ที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี เงินออมของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก 7.2 ปี แต่ถ้าเราออมติดต่อกันถึง 15 ปี มันจะเพิ่มขึ้นกลายเป็นสี่เท่า และจะเพิ่มขึ้นเป็นแปดเท่าถ้าเราออมติดต่อกัน 22 ปี ยิ่งออมได้นานมากเท่าไร พลังแห่งการทบต้นจะยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แต่มีข้อแม้ว่าเราจะต้องไม่นำดอกผลดังกล่าวออกมาใช้ไปเสียก่อน

  • อัตราดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ยิ่งได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยลดเวลาการออม และทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ถัดมาเราอาจจะมีคำถามว่าแล้วจะหาการลงทุนที่ได้อัตราผลตอบแทนคาดหวัง 6% ต่อปีได้อย่างไร คำตอบคือผ่านกองทุนรวมหุ้นหรือผ่านโครงการออมหุ้นก็ได้ โดยทำการตัดเงินเป็นรายเดือนเพื่อนำไปซื้อกองทุนรวมหุ้น (ในกรณีลงทุนผ่านกองทุนรวม) หรือนำไปซื้อหุ้นตามที่โบรกเกอร์กำหนดไว้ ซึ่งเงินลงทุนขั้นต่ำก็ขึ้นอยู่กับแต่ละ บลจ. และโบรกเกอร์เป็นผู้กำหนด เช่น หากเราอยากจะลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท หรือหากอยากออมในหุ้น เงินลงทุนขั้นต่ำ (ของบางโบรกเกอร์) อยู่ที่ 1,000 บาทเป็นต้น (ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย)


การลงทุนเป็นรายเดือนแบบนี้ เราเรียกว่าเป็นการทำ Dollar Cost Average หรือ DCA เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน และเป็นการลงทุนแบบมีระบบ เป็นอัตโนมัติ ทำให้เรามีวินัยในการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถทำให้เราไปถึงฝัน ‘อยากรวยและเป็นเศรษฐีเงินล้าน’ ได้ไม่ยากเกินความสามารถเลยจริงๆ


บทความโดย : นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®, ACC นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร