อาชีพในฝันของเจนอัลฟ่า บอกแนวโน้มอะไรในอนาคต?

เด็กวัยต่ำกว่า 10 ขวบ หรือที่เรียกว่าเจนอัลฟ่า (Gen Alpha) ไม่ได้แค่ใฝ่ฝันในอาชีพ “แพทย์” “ครู” หรืออาชีพแบบเดิมๆ อีกต่อไป เพราะผลสำรวจอาชีพที่อยู่ในใจของน้องๆ ในปีที่ผ่านมา ปรากฎว่า Youtuber แหวกโผขึ้นมาเป็นอาชีพยอดนิยมด้วย ด้วยบริบทของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างพลิกฝ่ามือในปีที่ผ่านมา จากนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้กระแสการพึ่งพาเทคโนโลยีหนักหน่วงกว่าเดิม


ผลกระทบนั้นตกอยู่เก็บเด็กในวัยเจนอัลฟ่านี้ด้วย เพราะต้องโยกย้ายการเรียนเข้าสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด


จากเดิมที่เด็กในวัยนี้ แสวงหาความบันเทิงจากโลกออนไลน์เป็นหลักอยู่แล้ว เช่น จากผลสำรวจของ Adecco ประเทศไทยก่อนโควิด ที่ระบุว่า 93% ชอบดูคอนเทนต์จาก Youtube และ 53% หาความรู้จากอินเตอร์เน็ต เมื่อมีความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีเเพิ่มขึ้น จึงเป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาคุ้นเคยกับโลกดิจิทัลไปอีกแบบก้าวกระโดด


ดังนั้น สิ่งที่เราคาดว่าจะได้เห็นเมื่อเจนอัลฟ่าเข้าสู่วัยทำงาน คือการเติบโตของสายอาชีพด้านเทคโนโลยี การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือโรบอติกส์ มากขึ้น เพราะพวกเขามีความได้เปรียบในการใช้สิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก มีทักษะและความสามารถในการเรียนรู้ ควบคุมการใช้งาน และปรับตัวได้สูงกว่าวัยอื่นๆ


สังคมการทำงานในยุคของคนเจนอัลฟ่า จะขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วฉับไวกว่าเดิม พวกเขาจะเป็นรุ่นที่กระตุ้นให้คนในวัยสูงกว่าอย่าง มิลเลนเนียลส์ และ เจนเนอเรชั่น Z ตื่นตัวในการทำงานมากกว่าเดิม เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่มาแรงเหล่านี้ คุ้นเคยกับการติดต่อสื่อสารแบบ “ทุกที่ ทุกเวลา” ผ่านข้อความและเสียง จนเป็นเรื่องปกติของชีวิต จึงข้ามขีดจำกัดในการต้องมารอพบปะแบบตัวต่อตัว เพื่อขับเคลื่อนการทำงานสักเรื่อง

gen-alpha-dream-career-01

การทำงานในอนาตเมื่อเจน อัลฟ่า ครองตลาด เส้นแบ่งระหว่าง การทำงาน และ การใช้ชีวิต จะกลับมาพร่าเลือนใหม่ หลังจากที่คนรุ่นก่อนหน้าพยายามแบ่ง work-life balance ไว้อย่างเป็นสัดส่วน เนื่องจากคนในรุ่นเจนอัลฟ่า จะไม่มีวันวางมือจากการเชื่อมต่อ เพราะให้คุณค่าต่อการทำงาน โดยเฉพาะงานที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสร้างสังคมที่ดีกว่า จึงพร้อมทุ่มเท และก็อยากจะให้ทีมงานทุกคนกระตือรือร้นในเบอร์สูงสุดเช่นเดียวกับตน


แน่นอนว่า ความเคร่งเครียดนำการทำงานมาปะปนกับชีวิตส่วนตัวแบบ 7 วันต่อสัปดาห์ ย่อมต้องแลกมากับความตึงเครียดของสุขภาพจิต และอิดโรย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พวกเขาผ่อนเครื่องการทำงาน เพราะคนในวัยนี้จะมองหานวัตกรรมต่างๆ มาช่วยปรับปรุงสร้างสภาวะความเป็นอยู่ที่ดี เพราะเขาเชื่อมั่นสูงในนวัตกรรมว่าจะทำให้คนมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ และคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะเกษียณตัวเองช้าลง เพราะยังมีไฟในการทำงานที่เหลือล้นตลอดเวลา


คนในเจนอัลฟ่า ยังมีแนวโน้มจะเป็นคนที่ใฝ่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learner) เพื่อให้ตัวเองทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก และเนื่องจากการเติบโตมาในยุคที่โลกต้องเผชิญวิกฤตหนักทั้งไวรัสโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและระดับครัวเรือน หรือบางคนก็เกิดมาไม่นานหลังจากครอบครัวเพิ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินสหรัฐ “Hamburger Crisis” เมื่อราวสิบกว่าปีที่ผ่านมา เด็กในวัยนี้จึงซึมซับเอาความทุกข์ยากเหล่านี้ไว้ในใจ และเชื่อมั่นในพลัง “การเปลี่ยนแปลง” เพื่อสิ่งที่ดีกว่าเสมอ ดังนั้น พวกเขาจึงมีแนวโน้มเลือกทำงานกับบริษัทที่ขับเคลื่อนในแนวทางเดียวกัน และมุ่งใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งใหม่ให้กับโลก


โลกการทำงานที่คาดว่าจะเห็นอีกอย่างคือ จะเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีความรู้อัดแน่น มีความชาญฉลาดเกินกว่าวัยอื่นๆ และยอมรับในความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ภาษา เพศ มากกว่าเดิม เพราะพวกเขาเติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีเปิดพรมแดนไปสู่โลกใหม่ๆ ทัศนคติจึงเปิดกว้าง เช่นเดียวกับมุมมองความคิดและความรู้ที่ไม่จมปลักในที่เดิม


ในอนาคตอันใกล้ภายใน 5 ปีข้างหน้า 60% ของตลาดแรงงานจะมีอาชีพใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในยุคนี้ผุดขึ้นมา คนกลุ่มเจนอัลฟ่าก็คือ ว่าที่แรงงานกำลังหลักสำหรับอาชีพเกิดใหม่ในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีขับเคลื่อน จึงตรงกับความเชี่ยวชาญของเด็กในยุคเจนอัลฟ่าพอดี


เพราะการศึกษาเป็นการสร้างพื้นฐานที่สำคัญของชีวิต หากประสบปัญหาติดขัดไม่พร้อมเรื่องการเงิน ให้สินเชื่อเพื่อการศึกษาเป็นทางออก สมัครผ่านแอป SCB EASY ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ดูเพิ่มเติม - ที่นี่ -

ที่มา
https://adecco.co.th/en/knowledge-center/detail/children-dream-career-survey-2020
https://www.linkedin.com/pulse/future-work-according-generation-alpha-dan-schawbel
https://generationalpha.com/articles/the-future-of-work/