เที่ยวประหยัดเสริมพัฒนาการลูก

บทความโดย ธ.อัครรัตน์


ทุกวันนี้ที่เที่ยวสำหรับเด็กมีหลายที่หลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนวศึกษาธรรมชาติและชีวิตสัตว์ แนวเปิดโลกทัศน์และเสริมสร้างความรู้ รวมทั้งแนวกีฬาและแอดเวนเจอร์ พ่อแม่ยุคใหม่คงอยากให้ลูกได้สนุกสนานและเรียนรู้จากสถานที่เหล่านี้แทบทุกแห่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆ ที่เก็บค่าเข้าชมไม่น้อยเลย เมื่อรวมค่าเข้าของผู้ใหญ่ ค่ากิจกรรมและอุปกรณ์ที่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว ถือว่าเอาการอยู่ ผู้ปกครองหลายท่านก็ไม่แน่ใจด้วยว่าที่เที่ยวแบบไหนจะเหมาะกับลูกหลานของตน ถ้าไปแล้วเด็กไม่ชอบก็อาจจะรู้สึกสูญเงินเปล่า สำหรับหลายๆ บ้าน กว่าน้องๆ หนูๆ จะได้ไปเปิดโลกเสริมสร้างพัฒนากันสักที ก็ต้องรอผู้ปกครองคำนวณความคุ้มค่า บางบ้านถึงกับเอ่ยปากว่า “รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยค่อยไปแล้วกัน”


วันนี้เรามีทางออกดีๆ ที่ไม่ต้องรอให้ลูกโตแล้วค่อยพาไป เพราะที่เที่ยวสองแห่งที่เรากำลังจะนำเสนอไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม แถมเสริมพัฒนาการให้เด็กๆ ได้ไม่แพ้ที่อื่น และยังสามารถเป็นก้าวแรกในการสังเกตบุตรหลานเพื่อเลือกแนวทางของสถานที่เที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายให้เหมาะกับพวกเขาต่อไปในอนาคต


ที่แรกที่เราจะพาไปคือ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร แห่งที่ 1 (จตุจักร) ตั้งอยู่ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีรูปแบบการเรียนรู้ที่ทันสมัยภายใต้แนวคิด “Learning for Young Creative Mind” เชื่อหรือไม่ว่า ที่นี่เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 0 – 12 ปีเลยทีเดียว โดยสถานที่แบ่งออกเป็น


อาคารสายรุ้ง
พื้นที่นิทรรศการและกิจกรรมสำหรับเด็ก 0 – 6 ปี ภายใต้สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ที่เหมาะสม ปลอดภัย ช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ ให้เด็กเล็ก โดยเฉพาะ โซนสวนหลังบ้าน และ โซนเมืองสายรุ้ง เด็กๆ จะได้คลาน ได้สัมผัส ได้เรียนรู้จากสีและรูปทรง มีทีมงานร่วมทำกิจกรรมและให้คำแนะนำ โดยที่ผู้ปกครองสามารถเข้าไปดูแล สังเกตการณ์ หรือร่วมกิจกรรมได้ด้วย


อาคารทอตะวัน
พื้นที่สำหรับเด็ก 7 – 12 ปี มีทั้งหมด 12 โซน โซนที่น่าตื่นเต้นและเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ได้แก่ โซนนักสืบไดโนเสาร์ เพราะนอกจากจะได้ฟังเสียงและเห็นการเคลื่อนไหวบางส่วนของไดโนเสาร์แล้ว เด็กและผู้ปกครองสามารถลงไปในลานขุดหาฟอสซิลไดโนเสาร์ได้ด้วย โซนละครโรงเล็ก เด็กๆ จะได้ปฏิสัมพันธ์กับการแสดงสด ได้คิดวิเคราะห์จากการกระทำต่างๆ และสามารถร่วมแสดงในบางรอบด้วย โซนสร้างเมืองของเรา พี่เจ้าหน้าที่จะอธิบายองค์ประกอบของเมืองที่ดี และแนะนำอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะแบ่งกลุ่มเด็กๆ ให้ช่วยกันสร้างเมืองน่าอยู่ เมื่อเสร็จแล้ว จะให้เด็กๆ ช่วยกันสรุปสิ่งที่เรียนรู้จากการทำกิจกรรม และเก็บสิ่งของไว้ที่เดิม

พิพิธภัณฑ์เด็กแห่งนี้ยังมี ลานกิจกรรมกลางแจ้ง ให้เด็กๆ ได้ปีนป่าย พัฒนาความมั่นใจและความแข็งแกร่งตามวัย มี สวนน้ำ ที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้พลังงานเกี่ยวกับน้ำ และได้เล่นกับน้ำรูปแบบต่างๆ จากลานน้ำพุอีกด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางโทรศัพท์ 0 2272 4500 หรือเว็บไซต์ http://www.cdm-bangkok.com/


ที่ที่ 2 จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. (NSM Science Square) ตั้งอยู่ที่ชั้น  4 อาคารจัตุรัสจามจุรี สามย่าน เขตปทุมวัน ที่นี่จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพื้นฐานที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น ไฟฟ้า แรง พลังงาน พวกเขาจะได้ทดลองและปฏิสัมพันธ์ด้วยตนเอง ซึ่งเด็กๆ ตั้งแต่ 3 ขวบไปจนถึงวัยรุ่น สามารถมาสนุกและเรียนรู้จากที่นี่ได้ นิทรรศการถาวรที่จัดแสดงเรียกได้ว่าเป็น “สวนสนุกวิทยาศาสตร์” เพราะงานแทบทุกชิ้นต้องอาศัย Interaction จากผู้ชม ช่วยกด ช่วยหมุน ช่วยออกแรง จึงจะเห็นผลและช่วยให้เข้าใจคำอธิบายได้มากขึ้น


โซนยอดฮิตสำหรับเด็กเล็กเห็นจะเป็น ดินแดนแห่งจินตนาการ หรือสนามต่อ “Blue Block” ซึ่งเป็นบล็อกที่ถูกออกแบบโดยทีมของ David Rockwell สถาปนิกชื่อดังของสหรัฐอเมริกา Blue Block ประกอบด้วยบล็อกที่มีหลายขนาด รูปร่างของบล็อกเป็นการจำลองชิ้นส่วนต่างๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ท่อ ราง ฟันเฟือง บางชิ้นก็มีรู สามารถนำชิ้นส่วนอื่นๆ สอดเข้าไปเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อได้ด้วย ถือเป็นบล็อกขนาดใหญ่ที่มีหลายมิติ ซึ่งเด็กๆ น่าจะยังไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อน นอกจากจะได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ เด็กๆ จะได้เรียนรู้การใช้พื้นที่ร่วมกับคนอื่น การแบ่งปันบล็อก และการช่วยเหลือร่วมมือกัน

อีกกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของจัตุรัสวิทยาศาสตร์แห่งนี้ได้แก่ บทเรียนในความมืด (Dialogue in the Dark) เป็นกิจกรรมการสังเกตผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ ของร่างกาย ยกเว้นจากดวงตา ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้กลไกการทำงานและการปรับตัวของประสาทการรับรู้ของมนุษย์ผ่าน 7 บทเรียนในความมืด เช่น การปรับตัวเข้ากับความมืด การรับรู้และจดจำ การใช้ประสาทสัมผัสเลือกอุปโภคบริโภค รวมไปถึงการสร้างบทสนทนาที่เป็นบทสรุปของนิทรรศการ อันเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างผู้พิการทางสายตาและผู้มีสายตาปกติ เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้จะเปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กได้เข้าใจกลไกการทำงานของระบบประสาท และเข้าใจความแตกต่างของเพื่อนมนุษย์


และแน่นอนว่า มาถึงจัตุรัสวิทยาศาสตร์ทั้งที ย่อมมีกิจกรรมการทดลอง (Science Lab) หลากหลายหัวข้อให้เด็กๆ ได้เลือกสนุกกัน อาทิ ไอศกรีมแสนอร่อย ช็อกโกแลตฮาเฮ เทียนแฟนซี ปั้นแป้งแฝงวิทย์ หอคอยหลากสีกับอัญมณีลึกลับ ฟินเวอร์...สติ๊กเกอร์หลากสี โอ้โห...ภูเขาไฟ ทองแดงส่องแสงรำไร D.I.Y. สบู่ฝังลาย ไฟฟ้ามหาสนุก เจลวิทย์พิชิตแบคทีเรีย และ ขนมปังยีสต์พองโต สำหรับ Science Lab นี้จะใช้เวลาประมาณ 60 นาทีต่อรอบ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถสอบถามรอบกิจกรรมต่างๆ และค่าใช้จ่ายได้ทางโทรศัพท์ 0 2160 5356 หรือทางเฟสบุ๊ก NSM Science Square


นอกจากที่เที่ยวที่เรานำเสนอจะเสริมสร้างพัฒนาการผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจแล้ว ข้อดีที่ถูกใจผู้ปกครองก็คือ เด็กๆ จะได้ปรับตัวให้เข้ากับการท่องเทียวเชิงเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่แค่เดินเล่น ซื้อของ ทานข้าว แล้วกลับบ้าน เพราะการร่วมกิจกรรมต่างๆ  พวกเขาต้องฟัง ต้องอ่านคำอธิบาย ฝึกฝนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้ปกครองก็สามารถช่วยให้การทำกิจกรรมง่ายขึ้นได้โดย ชี้ให้ดู อ่านด้วยกัน ตั้งคำถามให้หาคำตอบ เป็นต้น หากเด็กๆ ยังไม่คุ้นชินกับการเที่ยวแบบนี้ ก็ไม่ต้องรีบร้อน เราสามารถเริ่มจากจุดที่เด็กสนใจ แล้วค่อยๆ แนะนำกิจกรรมใหม่ๆ ให้ในครั้งต่อไปได้ เพราะในเมื่อไม่มีค่าบัตร เราก็สามารถพาเด็กๆ ไปได้บ่อยเท่าที่ต้องการ นอกจากนี้ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะทางสังคมจากการใช้พื้นที่สาธารณะและการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น การเข้าคิว การผลัดกันใช้อุปกรณ์ การเก็บเข้าที่ การงดใช้เสียง การขออย่างสุภาพ และการขอบคุณ เมื่อเด็กๆ ไปเที่ยวที่อื่น พวกเขาก็จะรู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพราะเคยฝึกทักษะเหล่านี้มาแล้ว ไม่ขี้เบื่อ งอแง ทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียเงินเปล่า มีข้อมูลแน่นๆ ขนาดนี้แล้วก็อย่ารอช้า พาลูกหลานเที่ยวเก็บเกี่ยวให้สนุกตั้งแต่วันนี้กันเลย