ด้วยแนวคิด “คันฉ่องบริการแบบไทย ยุคสมัย รศ.126” จึงทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ด้วยการสร้างและตกแต่งสไตล์โคโลเนียล โดยใช้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากพระราชวัง 3 แห่ง ได้แก่ พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และพระราชวังบ้านปืน ไม่เพียงเท่านั้น การดูแลต้อนรับจากพนักงานที่แต่งกายด้วยชุดไทย พูดจาลงท้ายด้วย “เจ้าคะ” หรือ “ขอรับ” ยิ่งทำให้เหมือนย้อนกลับไปเที่ยวหัวหินกับแม่พลอยเลยทีเดียว

ห้องพักที่นี่ มีทั้งหมด 74 ห้อง และวิลล่า 3 หลัง โดยแต่ละห้องจะใช้ชื่อจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดกำกับเอาไว้ (ในสมัยสร้างโรงแรมประเทศไทยยังมี 76 จังหวัดอยู่) ส่วนอีก 1 ห้องนั้น เป็นชื่ออำเภอ “หัวหิน” ดินแดนที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวแห่งนี้นั่นเอง แต่ละห้องก็จะมีของดีประจำจังหวัด (OTOP) ตั้งประดับไว้ด้วย การตกแต่งภายในห้องได้ผสมผสานความเป็นไทยเอกลักษณ์แบบจังหวัดนั้นๆ พร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้เพิ่มเสน่ห์ และความหรูหรา ตัดกับผนังห้องสีครีมสวยงาม

มาดูห้องพักประเภทต่างๆ กันดีกว่า ห้อง Deluxe มีจำนวนถึง 44 ห้อง ขนาด 44 ตร.ม. ใหญ่โตกว้างขวางสำหรับการมาพักผ่อน 2 คน

ส่วนห้องแบบ Grand Deluxe มีขนาด 50 ตร.ม. มีจำนวน 24 ห้อง นอกจากจะได้ห้องที่ใหญ่ขึ้น ยังมีโซฟายาวสำหรับนั่งเล่นอ่านหนังสือชิลๆ อีกด้วย

ห้องพักแบบ Suite มีจำนวน 2 ห้อง ขนาดห้องละ 86 ตร.ม. เรียกว่าใหญ่มากๆ ทั้งห้องนอนที่กว้างขวาง ห้องน้ำที่แยกสัดส่วนชัดเจน และยังมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงระเบียงที่ทอดยาวตลอดห้อง ห้องนี้ไม่ธรรมดา เพราะเคยมีคนสำคัญระดับโลกเข้าพักมาแล้ว

ห้องพักแบบวิลล่า 1 ห้องนอน มีจำนวน 2 ห้อง มีขนาดพื้นที่ถึง 115 ตร.ม. ห้องวิลล่าเชียงใหม่ เป็นห้องพักขนาดใหญ่ตกแต่งแบบล้านนา เป็นวิลล่ายอดฮิตของที่นี่เลย เพราะมีจากุซซี่อยู่ด้านนอก และอยู่ติดชายหาด แต่ก็ยังมีความเป็นส่วนตัวมากๆ สามารถนอนแช่น้ำสบายๆ ฟังเสียงคลื่นผ่อนคลายได้ทั้งวัน

ในห้องพักก็กว้างขวาง ทุกอย่างแบ่งเป็นสัดส่วน ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ อ่างอาบน้ำ ในส่วนของห้องนั่งเล่น ก็มีทั้งโซฟา โต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ส่วนวิลล่าภูเก็ต จะตกแต่งแบบชิโนโปรตุกีส ข้างในตกแต่งเป็นสีฟ้าเทาอ่อน บ่งบอกความเป็นเมืองติดทะเล ทั้งสองห้องนี้ ฟรีมินิบาร์ ด้วย

ห้องพักแบบสุดท้าย คือวิลล่า 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 130 ตร.ม. มีเพียงหนึ่งห้องเท่านั้น ใช้ชื่อว่า “Bangkok” ตกแต่งแบบรัตนโกสินทร์ตอนกลาง สวยงาม หรูหรา มีที่นั่งเล่นเป็นส่วนตัวอยู่ด้านนอก

สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มองเห็นชายหาดที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนที่หลายๆ คนไม่ยอมพลาด

หากใครว่ายน้ำจนเหนื่อย เมื่อยตัว อยากจะไปสปา ก็สามารถจองเวลาเพื่อเข้าไปใช้บริการ “Wora Spa” ได้ ซึ่งให้บริการตั้งแต่ 09.30 – 20.00 น. เป็นสปาที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มีแบบนวดคนเดียว หรือนวดเป็นคู่ก็ได้

ถึงแม้จะหลับสบาย แต่ก็อยากแนะนำให้ตื่นเช้ามาชมแสงแรกของวันกัน พระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าๆ ริมหาดสวยๆ ถ่ายรูปออกมางามนักแล ในวันอาทิตย์จะมีตักบาตรพระที่หน้าหาดด้วย หากใครต้องการก็สามารถแจ้งทางโรงแรมเพื่อจัดเตรียมของใส่บาตรให้ในราคาเพียงชุดละ 99 บาท

เมื่ออิ่มบุญแล้วก็ไปหาอาหารเช้าใส่ให้อิ่มท้องดีกว่า ขอเชิญมาที่ห้องอาหารจุลมงกุฎ กันเลย ไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์แบบอินเตอร์เนชั่นแนล และอาหารไทย มีเตรียมไว้มากกว่า 20 เมนูทุกวัน

นอกจากห้องอาหารแห่งนี้ ยังมีห้องอาหารรักษ์ทะเลที่อยู่บริเวณหน้าหาด มีที่นั่งด้านนอกให้นั่งรับลมทะเลได้ด้วย อาหารไทยที่นี่รสจัดตามแบบฉบับคนไทย พิถีพิถันเลือกวัตถุดิบมาอย่างดี ทำให้โดนใจทั้งลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติ

หากใครประทับใจในความเป็นไทยของวรบุระ อยากจะเก็บภาพสวยๆ ไว้ สามารถขอยืมชุดไทยจากทางโรงแรมเพื่อใส่ให้เข้ากับบรรยากาศ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ ที่สำคัญคือ “ฟรี” ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม

จองโรงแรม http://www.worabura.com

พิกัด https://goo.gl/maps/R7Kp4cq1gSu