ชัยปุระ โฟโตจินิค ซิตี้ ถ่ายรูปเพลินเกินห้ามใจ สายรัสติคต้องโดน

สวัสดีจ๊ะนายจ๋า วันนี้จะชวนสะพายกล้องไปกดชัตเตอร์กันแบบรัวๆ ที่เมืองมหาราชา สีชมพูหวาน ณ “ชัยปุระ” หรือ ที่คนอินเดีย เรียกว่า จัยปูร์ (Jaipur) กัน แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม อินเดียถึง Incredible นักหนาสำหรับผู้ที่ได้ไปเยือน เตรียมกล้อง เตรียมเมมโมรี่ให้พร้อมแล้วไปเก็บภาพสวยๆ ที่ชัยปุระกัน กว่าจะจบทริปคุณอาจจะได้ภาพประทับใจกลับมาหลายพัน เหมือนเรา..


เราเลือกไปชัยปุระแบบไม่ลังเลเพราะสายการบินโลว์คอสสายหนึ่งที่ตอนนั้นเพิ่งเปิดเส้นทางบินตรงจากดอนเมืองไปชัยปุระ พอลองกดราคาดูเล่นๆ โอ้ว! รวมทุกอย่างทั้งโหลดกระเป๋าและจองที่นั่งที่ดีที่สุดพร้อมอาหารอยู่ที่ 5,500 บาท ราคาแบบนี้ไม่ไปไม่ได้จริงๆ จึงจองล่วงหน้ากันข้ามปี ด้วยราคาดีๆ บวกความมุ่งมั่นที่อยากไปสัมผัสอินเดียด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิตทริปนี้จึงเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะทัดทานจะขู่ยังไง ว่าแน่ใจเหรอจะไปอินเดีย อี๋บ้าง ยี้บ้างเรื่องความสกปรก ความลำบาก เรื่องอาหารการกิน แต่นั่นไม่ทำให้เราลังเลที่จะไปสัมผัสดินแดนที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนแห่งนี้ และจะบอกว่ามันดีงามกว่าที่จินตนาการไว้หลายสิบเท่า..อินเดีย ณ ชัยปุระไม่ได้เน่าอย่างที่หลายคนคิด ยืนยัน


เราเลือกไปเยือนดินแดนภารตะในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งอากาศเย็นสบาย เป็นเวลาสั้นๆ  5 วัน 4 คืน เพราะถึงจะอยากไปอินเดียขนาดไหน แต่ลึกๆ ก็ไม่มั่นใจนักว่าเราจะคลิกกับที่นี่มั้ย อินเดียครั้งแรกในชีวิตจึงขอไปแบบมินิกันก่อน….ใจพร้อม กายพร้อม กระเป๋าพร้อม เตรียมคอสตูมสีสดๆ จัดเต็มไปแข่งกับสาวอินเดียกันเลย... เที่ยวบินของเราถึงชัยปุระประมาณเที่ยงคืน เพื่อความสะดวกและปลอดภัย (ไว้ก่อน) เราจองให้รถของโรงแรมมารับที่สนามบิน ซึ่งราคาก็ถูกแบบได้ใจคิดเป็นเงินไทยแค่ 300 บาท รับที่สนามบินส่งที่โรงแรมเลย ไม่ต้องมาปวดหัวหาแท็กซี่ ต่อราคา อธิบายสถานที่หรือหลงทางกันให้เสียอารมณ์

juipur4

โรงแรมที่เราจองไว้ผ่าน Agoda ชื่อ Umaid Bhawan - A Heritage Style Boutique Hotel ที่นี่เป็นโรงแรมที่ highly recommended คือแนะนำอย่างแรง ทำไมนะเหรอ โรงแรมนี้สวยมาก สวยจริง สวยทุกมุมตั้งแต่ประตูทางเข้าไปยันดาดฟ้า เพราะที่นี่เป็นโรงแรมสไตล์เฮอริเทจ เป็นอาคารเก่าแก่ที่เคยเป็นแมนชั่นสุดหรูของมหาเศรษฐีที่สร้างในแบบอินเดีย หรูหราจัดเต็มทุกอณู เช้าวันแรกกว่าเราจะออกไปเที่ยวข้างนอกได้ก็เกือบเที่ยงเพราะมัวแต่ถ่ายรูปมุมโน้นมุมนี้ในโรงแรมอย่างเพลิน สวยหรูอย่างมหาราชา แต่ราคารวมอาหารเช้าสำหรับสองคนอยู่ที่ 2 พันบาท ตกแค่คนละ 1 พันบาทเท่านั้น Incredible มั้ยล่ะ


การท่องเที่ยวในชัยปุระจริงๆ แล้วง่ายมากเพราะจะไปไหนก็เรียกตุ๊กๆ หรือแท็กซี่เอา ตุ๊กๆ หาง่ายมากไปที่ไหนก็มี แถมค่าบริการก็ถูกแสนถูก สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ในเมืองแต่ละเที่ยวค่ารถไม่เกินร้อยบาท สองคนหารกันก็ไม่เกินคนละห้าสิบ ส่งถึงที่ไม่มีหลง แต่ถ้านั่งแท็กซี่ซึ่งมีแอร์ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีก สำหรับพวกเรา เที่ยวในเมืองเราเลือกตุ๊กๆ เป็นพาหนะคู่ใจเพราะนอกจากจะถูกแล้วยังได้ความตื่นเต้นเร้าใจ เพราะคนขับรถที่นี่ถึงลูกถึงคน เบียด แย่ง แซงกระจาย เหมือนพร้อมจะพุ่งชนกันทุกจังหวะ บีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว คนต่างถิ่นอย่างเรา เรียกว่าเกาะเสารถอย่างแน่น แอบกรี๊ดเบาๆ ด้วยความเสียว (ว่าจะชน) ตลอดเส้นทาง ไม่มีที่ไหนตื่นเต้นได้แบบนี้ นอกจากอินเดีย ที่นี่ทีเดียว

ถ้าจะไปเที่ยวนอกเมืองอย่าง Amber Fort, Jaigarh Fort หรือพระราชวังสายน้ำ (Jal Mahal) แนะนำให้เหมาะแท็กซี่เป็นวันไปเลย แล้วเที่ยวให้ครบทุกที่เพราะที่เที่ยวที่ว่ามาอยู่ทางเดียวกันทั้งหมด เหมาแท็กซี่เที่ยวทั้งวันอยู่ที่ราว 800 บาท  บางคนอาจสงสัยว่าแล้วนั่งรถเมล์ รถสาธารณะเที่ยวได้มั้ย รถเมล์น่ะมี แต่แนะนำว่าอย่าทำให้ชีวิตลำบากขนาดนั้นเลย รถเมล์ที่นี่คนแน่นมาก สภาพก็แย่มาก เก่ามาก แย่กว่ารถเมล์ร้อนบ้านเราเยอะ แถมป้ายบอกอะไรต่างๆ บนรถก็ไม่มีภาษาอังกฤษ เพิ่มเงินอีกนิดดีกว่าจะได้เที่ยวได้เยอะขึ้น ปล่อยภัย ไม่หงุดหงิด นั่งตุ๊กๆ ก็เตรียมหน้ากากปิดปากปิดจมูกไปด้วย เพราะฝุ่นและควันสองข้างถนนที่นี่เยอะเอาการ


อีกคำถามที่ทำให้หลายคนลังเลที่จะไปเที่ยวอินเดียคือเรื่องความสกปรกของบ้านเมือง ของผู้คน เมืองอื่นเราไม่รู้ แต่สำหรับ    ชัยปุระ เราต้องบอกว่ารับได้ ภาพที่เขาเล่าว่าอินเดียมีคนขับถ่ายกันบนถนน  เราไม่เห็นที่นี่แม้แต่ครั้งเดียว แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้สะอาดเอี่ยมเหมือนญี่ปุ่น แต่ไม่ได้สกปกรกมากมายอย่างที่คิด ขยะตามถนนมีบ้างบางจุด บางจุดอาจเยอะหน่อย แต่หลายๆ ที่ไม่ได้แย่กว่า กทม.บ้านเรามากนักหรอก เพียงแต่ฝุ่นและผู้คนนั้นหนาแน่นกว่าอย่างชัดเจน ตึกรามบ้านเรือนก็ดูเก่าๆ (ซึ่งเราว่าคือเสน่ห์) ถ้าจะเทียบง่ายๆ สำหรับใครที่เคยไปพม่า เคยไปย่างกุ้งมาแล้วและรับได้ มาที่นี่ได้สบายใจหายห่วงเลยเพราะมันใกล้เคียงกัน (ส่วนตัวคิดว่าชัยปุระดีกว่าย่างกุ้งมาก) ภาพน้องวัว ภาพอูฐเดินบนถนนที่นี่ก็มีเช่นกัน ส่วนตัวเราว่ามันน่ารักดี แต่ขี้วัวไม่ได้เยอะเลอะเทอะอะไรมากมายเลย แทบไม่ค่อยเห็นด้วยซ้ำไป

อีกประเด็นที่คนสงสัยคือเรื่องความปลอดภัย เที่ยวมา 5 วัน ขอยืนยันว่าปลอดภัยหายห่วง ในวงเล็บว่าเราไม่ออกไปไหนมืดค่ำ ไม่เกินสองทุ่มต้องกลับเข้าโรงแรมแล้ว ทุกสถานที่ท่องเที่ยว ทุกถนนหนทางที่เราไปไม่มีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยหรือมีใครจะมาทำร้าย มาปล้นจี้แต่อย่างใด จริงๆ แล้วคนที่นี่ค่อนข้างจะเป็นมิตร ชอบนักท่องเที่ยวด้วยซ้ำไป มีแค่อย่างเดียวที่ต้องระวังคือหลอกล่อให้เราซื้อของ ตื้อ ตื้อและตื้อให้เราซื้อของ หรือมาทำเป็นใจดี ตีสนิท เสนอการช่วยเหลือเป็นพิเศษ แล้วจะจบด้วยการขอเงิน จะบอกว่าที่นั่นไม่มีใครใจดีทำอะไรให้เราฟรีๆ ทั้งสิ้น ถ้ายอมรับข้อเสนอ รับความช่วยเหลือแล้วมีแต่ต้องเสียเงินอย่างเดียว วิธีแก้ข้อนี้ไม่ยากแค่อย่าเฟรนด์ลี่มากเกินไป ไม่คุยกับคนแปลกหน้า แค่นี้ก็ปลอดภัยจากการเสียทรัพย์โดยไม่จำเป็นแล้ว


แล้วเรื่องอาหารการกินล่ะเป็นอย่างไร สำหรับคนที่เกลียดอาหารอินเดียแบบไม่ยอมแตะเด็ดขาดอย่างเรายังไปได้ ดังนั้นคุณก็ไปได้เช่นกัน เราฝากท้องไว้กับคาเฟ่บนดาดฟ้าของตึกแถว ตรงข้ามแลนมาร์กของที่นี่คือ พระราชวังสายลมหรือ Hawa Mahal เกือบทุกวัน บนตึกนั้นมีคาเฟ่อยู่สามร้านให้เลือก แต่ขายอาหารคล้ายๆ กัน คือเป็นอาหารฝรั่งง่ายๆ พวกพาสต้า แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์  เบเกอรี่ และเครื่องดื่มต่างๆ แต่ต้องบอกก่อนว่าทุกเมนูไม่มีเนื้อสัตว์ ซึ่งจริงๆ ที่ชัยปุระ หาร้านที่ขายอาหารที่มีเนื้อสัตว์ได้ยากอยู่ แม้กระทั่งร้านข้างถนนเรายังไม่เห็นร้านที่ขายเนื้อสัตว์เลย ที่เห็นจะมีแต่พวกถั่วหรืออาหารพวกแป้งทอดต่างๆ แม้กระทั่งอาหารเช้าที่โรงแรมที่เราพักก็ไม่มีเมนูเนื้อสัตว์เลยแม้แต่เมนูเดียว ร้านสะดวกซื้อแบบ 7-ELEVEN อะไรแบบนั้นไม่มีให้เห็น จะมีร้านขายของชำเล็กๆ ของคนท้องถิ่นเท่านั้น (เราก็ไม่กล้าเข้าอีก) ดังนั้นตลอดทริปเราเลยกินมังสวิรัติทุกมื้อ ทุกวัน ก็ถือว่าเป็นข้อดีเพราะเป็นการเที่ยวแบบลด ละ เลิก เที่ยวไปได้บุญด้วย ดังนั้นใครกังวลเรื่องอาหารการกินก็ให้เอาเสบียงติดตัวไปด้วย จะช่วยได้มาก  นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่ประหยัดเพราะกินน้อยใช้สอยประหยัด เนื่องจากไม่รู้จะกินอะไร ตุนผลไม้จากโรงแรมไปเป็นอาหารกลางวันทุกวันเลย

ชัยปุระหรือจัยปูร์ เป็นเมืองหลวงของรัฐราชสถาน (Rajasthan) รัฐทางเหนือของอินเดีย และเป็นเมืองที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดเมืองหนึ่งของอินเดีย สำหรับเราสิ่งที่น่าหลงใหลในเมืองสีชมพูแห่งนี้คือ สถาปัตยกรรมแบบอินเดียโบราณที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่จัยปูร์ มีสถาปัตยกรรมให้เยี่ยมชมมากมายหลายที่ แต่ละที่ต้องบอกว่าถ่ายรูปไม่มีเบื่อ ทุกที่สวยขึ้นกล้องเป็นที่สุด สำหรับตัวเองซึ่งรู้จักศิลปะแบบอินเดียน้อยมาก ยอมรับว่าทึ่งและไม่คิดว่าสถาปัตยกรรมที่นี่จะมีความอ่อนหวานนุ่มละมุนได้ขนาดนี้ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นพระราชวังเก่า ตัวอาคารล้วนใช้โทนสีพาสเทลหวานละมุม เช่น สีส้มแซลมอนอ่อนๆ  สีชมพูใสๆ หรือสีครีมจากหินอ่อนสีขาวนวล และประดับด้วยลวดลายดวกไม้ นกยูง ลายเส้นภาพผู้คนและประวัติศาสตร์ หรือกระเบื้องตกแต่งชิ้นเล็กๆ ซึ่งล้วนใช้โทนสีหวานใสแทบทั้งหมด งดงามและมีเสน่ห์จริงๆ

สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ จะอยู่ในโซนเมืองเก่า ที่เด่นและดังที่สุดคือ พระราชวังสายลม (Hawa Mahal) ที่เป็นแลนมาร์กของที่นี่ มีความสวยงามทั้งภายนอกและภายใน ภาพถ่ายจากด้านนอกจะได้ภาพอาคารสีส้มทรงโค้งกับซุ้มหน้าต่างขลิบขอบขาวนับร้อยช่อง ที่มีที่นี่ที่เดียวในโลก! ด้านในแบ่งเป็นสามชั้น แต่ละชั้นมีมุมให้ถ่ายรูปได้ไม่เบื่อทั้งซุ้มหน้าต่าง ซุ้มประตูที่สวยงาม ที่ชั้นบนสุดสามารถเห็นวิวที่สวยงามของเมืองชัยปุระ เห็นไปไกลถึง Amber Fort ที่อยู่นอกเมือง ในบริเวณที่เชื่อมต่อกันคือ City Palace ซึ่งเป็นอีกจุดที่ห้ามพลาด ด้านในมีซุ้มประตูนกยูงอันเลื่องชื่อ โดยมีอยู่ 4 ซุ้ม 4 แบบ แต่ละซุ้มดีเทลแน่น สวยหวานตามสไตล์ ถ่ายรูปออกมาแล้วอลังการ แต่ต้องต่อคิวยาวนิดนึงเพื่อจะได้รูปเดี่ยวสวยๆ ด้านในยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวและสมบัติล้ำค่าของมหาราชาแต่ละองค์ของชัยปุระ ขอให้ใช้เวลาเดินชมความงาม ถ่ายรูปให้เต็มอิ่มที่พระราชวังแห่งนี้ เมื่อแดดร่มลมตกค่อยเดินต่อไปที่ Jantar Mantar สวนดาราศาสตร์กลางแจ้ง ซึ่งมหาราชายุคก่อนใช้ในการศึกษาเรื่องดาราศาสตร์ ที่นี่มีสิ่งก่อสร้างรูปร่างแปลกๆ ให้ถ่ายรูปได้สนุกเช่นกัน ค่าเข้าแต่ละจุดไม่เกิน 150 บาทไทย ความสวยกับราคาสวนทางกันจริงๆ

ยังอยู่ในตัวเมืองแต่ข้ามมาโซนเมืองใหม่กันบ้างสถานที่ที่ต้องไปคือ พิพิธภัณฑ์ อัลเบิร์ท ฮอลล์ (Albert Hall Museum) ตัวอาคารเป็นวังเก่าที่ทำจากหินอ่อนสีขาวครีม แค่ด้านนอกตัวอาคารก็ต้องจัดไปหลายช็อต ด้านในมีส่วนจัดแสดงวัตถุเก่าแก่ทั้งเครื่องถ้วยชาม งานผ้าของอินเดีย เฟอร์นิเจอร์โบราณ ภาพวาด และวรรณกรรม ด้านในทุกโซนสามารถถ่ายภาพได้ บริเวณด้านนอกพิพิธภัณฑ์มีคาเฟ่นั่งสบายๆ กับหลากหลายเมนูทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็นและเบเกอรี่ รสชาติดี ฝากท้องได้เช่นกัน


อีกวันแนะนำให้เหมารถทั้งวันออกนอกเมือง จุดที่ต้องจอดไล่จากใกล้ไปไกลคือ Amber Fort, Jaigarh Fort และ พระราชวังสายน้ำ หรือ Jal Maha จากตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจะถึง Amber Fort ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าที่ตั้งอยู่บนเขา ที่นี่ถือเป็น a must คือห้ามพลาดและส่วนตัวแล้วประทับใจที่นี่มากที่สุด อยากให้แพลนใช้เวลาอย่างน้อยๆ ครึ่งวันเพราะพื้นที่กว้างขวางมาก มีจุดเก๋ๆ มุมงามๆ สวนสวยๆ และมีมุมสูงให้ชมวิวเยอะมาก ซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่าง กำแพง เพดานที่นี่สวยงามจนอดใจที่จะเก็บภาพไม่ได้เลย แนะนำให้เตรียมเสบียงมาทานกลางวันเพราะมีที่นั่งร่มๆ ริมน้ำให้นั่งพัก กินสบายจ่ายเบาๆ ในวังเก่าเลย

ขับรถต่อไปอีกแค่สิบนาทีจะถึง Jaigarh Fort ที่นี่ไม่ต้องอยู่นานมากเพราะจริงๆ ไม่มีงานดีเทลให้ดูเหมือนที่อื่น แต่งานดีที่นี่คือกำแพงเก่าๆ ดิบๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วฮิปมาก แนะนำว่ามาถึงประมาณ 4 โมงเย็น เพราะที่นี่ร่มเงาน้อยมาเร็วแดดจะแรง


ลักษณะเด่นอีกอย่างคือเป็นจุดชมวิวเมืองสีชมพูที่สวยงามที่สุดอีกจุดหนึ่งเพราะตั้งอยู่บนเขาสูง สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ได้ 360 องศาเลยทีเดียว >>>ระหว่างทางกลับเข้าเมืองแวะจอดริมถนนเพื่อชมพระราชวังสายน้ำ ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบ ที่นี่เราเข้าชมไม่ได้ ทำได้แค่ถ่ายรูปไกลๆ  เพราะฉะนั้นใช้เวลากันอีกสัก 20 นาทีก็พอแล้ว

ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสถานที่เก๋ๆ ในชัยปุระเท่านั้น เมืองสีชมพูแห่งนี้ยังมีจุดเช็กอินคูลๆ อีกมากมายหลายที่ไม่ว่าจะเป็น Panna Meena Ka Kund หรือบ่อเก็บน้ำโบราณแบบขั้นบันได,  Sri Jagat Siromaji Temple, Galtaji Temple หรือ Monkey Temple ที่ทั้งสองวัดสวยงามแปลกตา  รวมทั้งมีตลาดและร้านค้าริมสองข้างทางให้เลือกซื้อทั้งงานผ้าอินเดียสวยๆ ราคาดีๆ  งานฝีมือเก๋ๆ แปลกๆ ราคาย่อมเยา แดดร่มลมเย็นก็เดินชิลๆ ชมบ้านเมืองเก่าๆ เก๋ๆ แนวรัสติค ดูฝูงแพะเดินข้ามถนน เดินดูผู้คนแต่งตัวด้วยชุดพื้นเมืองสีสันสดใส วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ไม่ซ้ำใคร แล้วคุณจะเข้าใจถึงความน่าทึ่งของนครสีชมพู ณ ราชสถาน ประเทศอินเดีย


มือใหม่หัดไปอินเดียที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ขอให้เลี้ยวมาเที่ยวชัยปุระก่อน สถานที่ท่องเที่ยวเยอะด้วยและสวยสุด โรงแรมมีให้เลือกมากมายจองออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตได้เลย เที่ยวง่ายไม่ลำบาก ค่าใช้จ่ายก็เบาสบายกระเป๋า ผู้คนเป็นมิตรชีวิตปลอดภัย


ทำวีซ่าออนไลน์ได้ง่ายๆ จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ต้องเสียเวลาไปสถานทูต บินตรงจากรุงเทพถึงเลยเพียงห้าชั่วโมง แต่เพื่อความมั่นใจไม่ว่าไปเที่ยวที่ไหนมีประกันเดินทางไว้อุ่นใจที่สุด ตัดสินใจได้แล้วซื้อตั๋วเครื่องบินกันเนิ่นๆ เพื่อราคาดีๆ จ่ายด้วยบัตรเครดิต SCB ทุกประเภทรับฟรีประกันการเดินทาง เพื่อให้ทริปอินเดียของคุณสนุกอุ่นใจเต็มแม็ก