5. ตาข่าย  การติดตั้งตาข่ายเอาไว้รอบบริเวณที่คาดว่าจะเป็นทางเดินของงูในการเข้าสู่ตัวบ้าน ก็จะช่วยดักงูไว้ได้อีกทาง ซึ่งตาข่ายที่นำมาติดตั้งนั้น ควรเลือกที่มีตาชิด ให้งูไม่สามารถลอดผ่านได้ หรือใช้ตาข่ายดักปลาแทนก็ได้  งูก็จะติดอยู่กับตาข่าย เลื้อยเข้าบ้านไม่ได้

6.กำจัดแหล่งอาหารของงู ธรรมชาติของงูมักจะกินหนู กบ เขียด ตุ๊กแก ถ้าหากบ้านของเราปล่อยให้มีสัตว์เหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก เท่ากับบ้านเราคือแหล่งอาหารของงูดีดีนี่เอง ดังนั้นขอแนะนำให้หมั่นมำความสะอาดบ้าน และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ที่เป็นอาหารของงู เป็นการตัดแหล่งอาหารของงู

7. กำจัดแหล่งที่อยู่ของงู ทำลายแหล่งที่คาดว่างูจะเข้ามาทำรังหรืออยู่อาศัย เช่น พงหญ้า พุ่มไม้รกๆ ตอไม้ผุๆ ให้คุณจัดการตัดหรือทำลายให้หมด โพรงใต้บ้านก็เป็นแหล่งอาศัยที่งูชอบเข้าไปอยู่เช่นกัน บางทีอาจมีการวางไข่อีกด้วย โพรง หรือรูต่างๆ ตามสนาม หรือขอบรั้วให้ถมให้หมด เพื่อไม้ให้งูเข้าไปอยู่ได้ ท่อระบายน้ำให้คุณใส่ตะแกรงกั้นไว้ เพื่อไม่ให้งูเข้าใช้เป็นเส้นทางเข้ามาในบ้าน

8.ใช้แผ่นกันงู เราสามารถซื้อแผ่นกันงูตามเว็บไซต์ หรือซุปเปอร์มาเก็ต แผ่นกันงูมักจะใช้ป้องกันงู หรือสัตว์เลื้อยคลานขึ้นไปบนเสาไฟฟ้า เมื่องูเลื้อยขึ้นไปเจอแผ่นกันงู จะเกิดความลื่นไม่สามารถไปต่อได้ และตกลงมาเอง

9. ใช้สารไล่งู หรือยาไล่งู ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์สำหรับไล่งูอยู่หลายแบบ หลายยี่ห้อ มีทั้งแบบผงและแบบน้ำแบบเป็นของเหลวก็มี สามารถซื้อมาลองใช้ดูได้เช่นกัน

10. มะกรูด นำผลมะกรูดมาผ่าครึ่ง แล้วเอาไปวางตามมุมบ้าน มุมรั้ว หรือจุดลับตาที่ เช่น ใต้แผ่นกระเบื้องที่วางไว้กับพื้น ใต้ถุนบันได บริเวณใกล้ๆ ท่อน้ำทิ้ง แถวโต๊ะหินอ่อนนอกบ้าน เป็นต้น ซึ่งบริเวณเหล่านี้งูมักจะเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ เมื่องูเจอกลิ่น และความเป็นกรดของมะกรูด จะไม่อยากเข้าใกล้ หรืออีกอย่างคือให้หาต้นมะกรูดมาปลูกไว้รอบๆ บ้าน เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน แถมยังได้มะกรูดไว้ปรุงอาหารอีกด้วย

ถ้างูเข้าบ้านมาแล้วต้องทำอย่างไร

ถ้างูเข้าบ้านมาแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

• สังเกตประเภทของงู พยายามสังเกตให้ดีว่า งูที่เลื้อยเข้ามาในบ้านเป็นงูชนิดใด ลักษณะอย่างไร และมีพิษหรือไม่ งูพิษที่พบบ่อย เช่น งูเห่า จะแผ่แม่เบี้ย, งูสามเหลี่ยม มีลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม, งูเขียวหางไหม้และงูกะปะมีลักษณะแก้มป่อง ตัวสั้น มีเกล็ดละเอียด เป็นต้น
  
  
• อยู่นิ่ง ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ งูจะตกใจหากมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หรือมีคนไล่ ดังนั้นให้ยืนนิ่ง ๆ หรือค่อย ๆ ขยับถอยหลังช้า ๆ โดยจับตามองความเคลื่อนไหวของงูเอาไว้ด้วย ที่สำคัญต้องเว้นระยะห่างให้ปลอดภัยจากการโดนฉก
  
  
• อย่าไล่หรือทำร้าย  หากไม่มั่นใจว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่ อย่าไล่หรือทำร้ายงูด้วยตัวเอง เพราะหากมีการไล่หรือทำร้าย งูอาจตกใจจนหนีหายไปซุกซ่อนอยู่ในมุมหลืบทำให้หาไม่เจอ หรืออาจพุ่งตัวเข้าฉกทันทีจนเกิดอันตรายได้ อีกทั้งยังเชื่อกันว่ากลิ่นเลือดและสารบางอย่างในตัวงู จะทำให้เรียกสมัครพรรคพวกงูเข้ามาเสริมทัพได้ด้วย ดังนั้นจึงห้ามตีงูจะดีกว่า

• โทรแจ้งหน่วยกู้ภัย เมื่อคุณพบเห็นงูเลื้อยอยู่ในบ้าน ให้จับตามองงูไว้ แล้วโทรแจ้ง 199  เพื่อให้หน่วยกู้ภัยเค้าเข้ามาจับงู ซึ่งเค้ามีอุปกรณ์และความชำนาญในการจับงูและสัตว์ไม่พึงประสงค์ ที่เข้ามาในบ้านของเรา

อย่างไรก็ตามแม้เราจะหาทางป้องกันด้วยวิธีการต่างๆ ทำความสะอาดบ้านไม่ให้รก ตามที่แนะนำมาข้างต้นอย่างดีแล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ หากโชคร้ายเป็นงูมีพิษที่เข้ามาในบ้านของเราแล้วฉกกัดเราขึ้นมาก็ต้องเสียเงินไปหาหมอ หากเรามีประกันอุบัติเหตุเอาไว้ก็จะช่วยได้ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยต่างๆ ดังนั้นหมั่นรักษาความสะอาดอย่าให้บ้านรกและป้องกันด้วยวิธีการต่างๆ ข้างต้น รวมทั้งทำประกันอุบัติเหตุเอาไว้เพื่อความอุ่นใจ เราก็คลายกังวลเรื่องงูเข้าบ้านได้ไปเปราะหนึ่ง

อ้างอิง

https://www.reviewyourliving.com/life-style/keeps-snakes-away-from-home-082015/

https://home.kapook.com/view65807.html