เข้าสู่ช่วงไตรมาสสี่ ปลายปี 2567


ภาพรวมเศรษฐกิจโลกสามารถฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นปีที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงไม่ง่ายเลย เพราะปัจจัยการลงทุนมีความแตกต่างกันในรายละเอียดของแต่ละภูมิภาค ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM: Developed Market) โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นยุโรป ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็กำลังเข้าสู่ช่วงของความผันผวนจากการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งแรกของเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567 เป็นการเริ่มต้นวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงอย่างเป็นทางการ ปัจจัยที่สำคัญนี้ จะส่งผลต่อภาพการลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 เป็นปัจจัยสำคัญในช่วงปลายปีอีกด้วย

ในขณะที่ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ในช่วงเดือนกันยายนก็มีความผันผวนอย่างยิ่ง จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ของรัฐบาลจีน ที่ส่งผลให้ดัชนีฮั่งเส็งและดัชนีตลาดหุ้นจีน A-Share ปรับตัวเพิ่มขึ้นสลับย่อตัว อย่างรุนแรง นักลงทุนมีการเข้าซื้อและขายทำกำไรออกมาเป็นช่วงๆ ตามกระแสข่าวการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศรายละเอียดตามออกมา ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองก็เพิ่งผ่านความผันผวนจากจุดที่อาจจะเรียกได้ว่าต่ำสุดในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กระทั่งการมาของกองทุนวายุภักษ์และความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2567 จากการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออก แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก โดยสรุปคือ เป็นปีที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงนั้นไม่ง่ายเลย มองภาพอนาคตปีหน้าปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความผันผวนก็ยังรออยู่อีกไม่น้อย


คำถามใหญ่ของการลงทุน คือ ในภาวะผันผวนเช่นนี้...นักลงทุนควรทำอย่างไร ? 

ในภาพรวม การกระจายการลงทุน (Asset Allocation) ไปทั้งสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูงทั่วโลก เป็นหนึ่งในคำตอบที่ดีในภาวะที่ปัจจัยความไม่แน่นอนมีสูงเสมอ เพราะสามารถเก็บเกี่ยวโอกาสทั้งจากการลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น โดยให้เน้นไปที่ตราสารหนี้คุณภาพดี ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) และการคัดเลือกหุ้นคุณภาพเชิงรับ (Defensive) ที่มีทั้งคุณภาพกิจการที่ดี มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด และกระจายไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก

และหากใครที่เป็นลูกค้า SCB PRIVATE BANKING ที่มีความมั่งคั่งทางการเงินสูง มีสินทรัพย์ที่ถือครองมูลค่าสูง ก็จะยิ่งมีโอกาสที่ดีมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้หลักการของ Wealth Lending มาลงทุนเพิ่มพลังเงินลงทุน (Leveraged Investment) ด้วยสินเชื่อเพื่อการลงทุน Lombard Loan และ Property-Backed Loan โดยลูกค้า SCB PRIVATE BANKING สามารถใช้สินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น หุ้นกู้ กองทุนรวม หรือ แม้แต่ อสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่ดินหรือที่อยู่อาศัยซึ่งปลอดภาระ มาใช้เป็นหลักประกัน ขอวงเงินสินเชื่อเพื่อนำไปลงทุนได้ เมื่อจังหวะการลงทุนมาถึง


การทำ Wealth Lending จะช่วยสร้างโอกาสให้ลูกค้ามั่งคั่ง ได้อย่างไร ? 

หลักการคือ การทำ Wealth Lending สำหรับลูกค้ามั่งคั่ง (High Net Worth) เป็นการลงทุนแบบเพิ่มพลังเงินลงทุนโดยใช้สินทรัพย์ที่ถือครองมาทำ Leveraging เพื่อเพิ่มพลังเงินลงทุนไว้สร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม ในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายผ่านสินเชื่อเพื่อการลงทุน เช่น Lombard Loan (ใช้สินทรัพย์ทางการเงินที่มีความต้องการในตลาดเป็นหลักประกัน) และ Property-Backed Loan (ใช้อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินหรือที่อยู่อาศัย ซึ่งปลอดภาระมาเป็นหลักประกันจดจำนอง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ทำให้นักลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายของการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่เสียโอกาสหากมูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครองปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยการใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนนั้น มีประโยชน์และช่วยเปิด 3 โอกาส ดังนี้

  1. โอกาสในการลงทุน (Increasing Investment Capacity to Seize Investment Opportunities)  โดยทั่วไปพอร์ตการลงทุนของลูกค้ามั่งคั่ง มักจะมีการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ไว้ตามความเสี่ยงครบถ้วนตามกลยุทธ์อยู่แล้ว และมักจะไม่ถือเงินสดไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อเจอโอกาสการลงทุนใหม่ จึงมักจะขาดเงินสดเข้ามาลงทุน หลายครั้งจึงยอมจำใจปรับพอร์ตโดยขายสินทรัพย์การลงทุนที่ยังไม่ได้มีความต้องการขายออกมา แต่การใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนแบบ Wealth Lending นั้น จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ โดยนำสินทรัพย์ลงทุนเดิมที่มีอยู่แล้วเป็นหลักประกัน และนำสินเชื่อที่ได้มา ไปลงทุนคว้าโอกาสได้
  2. โอกาสกระจายความเสี่ยงให้เหมาะกับภาวะตลาด (Diversification / Rebalance assets) โดยใช้วงเงินที่ได้จากสินเชื่อเพื่อการลงทุนแบบ Wealth Lending มาใช้ในการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ เช่น เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ หรือในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG เพื่อกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่ผันผวน โดยปกติการปรับพอร์ตการลงทุนนั้น ผู้ลงทุนจะต้องเติมเงินสดเข้ามา หรือ ต้องขายสินทรัพย์การลงทุนเดิมเพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ใหม่ แต่การใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยปรับพอร์ตการลงทุนได้ โดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์การลงทุนที่มีอยู่
  3. โอกาสเสริมสภาพคล่องและเพิ่มผลตอบแทน (Cashflow management and Accelerated Growth Potential)  โดยใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อการลงทุนแบบ Wealth Lending เสริมสภาพคล่องด้านกระแสเงินสดและยังใช้เพิ่มพลัง Leverage เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าปกติได้ ซึ่งในสภาวะที่สินทรัพย์การลงทุนมีหลากหลายกระจายอยู่ทั่วโลก ผนวกกับสภาวะที่โลกกำลังเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลง เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้การใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนนั้นมีความน่าสนใจ สร้างโอกาสเร่งผลตอบแทนได้มากขึ้นด้วยต้นทุนทางการเงินที่ลดลง


สินเชื่อเพื่อการลงทุน ผ่าน Lombard Loan และ Property-Backed Loan

ทั้ง Lombard Loan และ Property-Backed Loan เป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน ที่ออกแบบสำหรับลูกค้า Private Banking ที่ต้องการเพิ่มกระแสเงินสดสำหรับการลงทุน โดยนำเงินกู้ที่ได้ ไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หลากหลายประเภททั้ง onshore และ offshore ตามความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ ภายในกลุ่ม SCBX ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์จูเลียส แบร์ จำกัด

กลุ่มลูกค้ามั่งคั่งมีการ Leveraging สินทรัพย์ที่ตนเองถืออยู่ เพื่อให้เปลี่ยนสินทรัพย์การลงทุน มาเป็นสภาพคล่องได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายในการทำวงเงินไม่มากนัก เพียงใช้สินทรัพย์ทางการเงินที่มีความต้องการในตลาดของลูกค้าเป็นหลักประกัน เช่น เงินฝาก หุ้นกู้ หุ้นสามัญ กองทุนรวม พันธบัตร มาเป็นหลักประกัน วางไว้กับสถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อได้

Property-backed Loan คือ การเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีสภาพคล่องต่ำ เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง อาคาร ห้องชุด ที่กว่าจะขายแปลงเป็นเงินสดได้ต้องใช้เวลานาน หรืออาจเก็บไว้เพื่อส่งต่อให้รุ่นถัดไป ให้เป็นสินทรัพย์มีสภาพคล่อง ผ่านการให้สินเชื่อ โดยใช้อสังหาริมทรัพย์ที่มี เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อให้ลูกค้านำเงินไปลงทุน โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องขายอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุนที่เหมาะกับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งคนไทย ที่มักจะมีสินทรัพย์หลักเป็น “อสังหาฯ” มากกว่าสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ คนไทยมีความเชื่อมานานว่า อสังหาฯ โดยเฉพาะที่ดินมีแต่ราคาขึ้นเพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีอยู่จำกัด จึงมักเลือกลงทุนสะสมไว้เป็นโอกาสลงทุนในระยะยาว แต่ข้อด้อยคือ ระยะสั้นไม่มีสภาพคล่อง แม้ราคาปรับตัวขึ้นดี หากไม่ได้นำไปขายหรือใช้ประโยชน์ ก็เท่ากับเงินสดและโอกาส ที่จมไว้เฉยๆ เป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ตั้งแต่มีการ "เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ทำให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่ถือครองอสังหาฯ เริ่มมองหาแนวทางในการบริหารสินทรัพย์โดยนำไปสร้างโอกาสทางการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินรกร้างที่มีการจัดเก็บภาษีที่ดินค่อนข้างสูง เนื่องจากราคาประเมินที่ปรับตัวสูงขึ้น และฐานภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ 3 ปี ที่ 0.3% สูงสุดไม่เกิน 3%

ลูกค้า SCB PRIVATE BANKING สามารถเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ หรือ หลักทรัพย์ ให้เป็นเงินลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินภายในกลุ่ม SCBX โดยมุ่งหวังให้โอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าต้นทุนทางการเงิน ดังรูปนี้


โดยสรุป ในทุกๆปี โลกแห่งการลงทุนมีทั้งโอกาสและความท้าทายรอเราอยู่เสมอ นอกจากการวางแผนการลงทุนแบบ Asset Allocation กระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกที่เราเริ่มคุ้นเคยกันแล้ว การเปิดรับเครื่องมือการลงทุนในรูปแบบใหม่ ผ่านการทำ Wealth Lending สินเชื่อเพื่อการลงทุน ซึ่งเปิดโอกาสให้สำหรับลูกค้ามั่งคั่ง Private Banking เท่านั้น เป็นการเพิ่มพลังเงินลงทุนผ่าน Lombard Loan และ Property-Backed Loan ก็นับเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจศึกษาหาโอกาสเช่นกัน

  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • การลงทุนหรือใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีความแตกต่างจากการลงทุนหรือใช้บริการผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนทั่วไป ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุน

หมายเหตุ : ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SCB PRIVATE BANKING Service Center 0 2777 7799

#WealthLending #LombardLoan#Property-BackedLoan #SCBX#SCBWealth #SCBEASY #นิ้วโป้ง