ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เปิดโผกองทุนเด็ด สูตรสำเร็จกระจายลงทุนหุ้นทั่วโลก
การควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลักอย่าง สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จากตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลง ประกอบกับการกระจายตัวของการฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขประชากรทั่วโลก ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ของผู้ได้รับวัคซีนอยู่ที่ 20.79% นำโดยจีน 62.82% สหรัฐฯ 52.1% ยุโรป 44.43% และญี่ปุ่น 14.58% ของจำนวนประชากร
ล่าสุดในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศให้ประชาชนไม่ต้องเว้นระยะห่าง สามารถออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติโดยไม่ต้องสวมหน้ากากหลังจากกระจายวัคซีนครอบคลุมประชากรได้ถึง 70% ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง และจากการที่เศรษฐกิจกำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกตินี้คาดว่าจะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นโดยเฉพาะการลงทุนในประเทศที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนสูง สำหรับตลาดหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากที่กล่าวข้างต้นมีหลายตลาดหุ้นที่น่าสนใจ เช่น
ตลาดหุ้นจีน นับว่าเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ก็สามารถควบคุมและจัดการสถานการณ์ภายในประเทศได้เป็นประเทศแรกเช่นเดียวกัน ด้วยกำลังการบริโภคภายในประเทศเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนได้รับแรงกดดันจากนโยบายลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจจากธนาคารกลางจีนก่อนประเทศอื่น รวมถึงแรงกดดันจากรัฐบาลจีนต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีแนวโน้มเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีการประมาณการเติบโตของ GDP ในปี 2564 อยู่ที่ 8.4% ร่วมกับการเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางเทคโนโลยีโลก ประกอบกับมูลค่าตลาดหุ้นจีนยังคงต่ำกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอย่างมาก จึงคาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้ในอนาคต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดและการกระจายวัคซีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ดี โดยตัวเลขดัชนีรวมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งภาคการผลิต (Manufacturing PMI) และภาคการบริการ (Service PMI) มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในแดนขยายตัวที่ 64.2 และ 64 จุดในเดือนพฤษภาคม 2564 ตามลำดับ ประกอบกับการฟื้นตัวในตลาดแรงงานทั้งตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการครั้งแรก และผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมีแนวโน้มลดลง ถึงแม้จะมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบและการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ยังคงคาดการณ์ว่าประมาณการผลตอบแทนบริษัทจดทะเบียนในอนาคตจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีสัดส่วนสูงถึง 26.45% โดยคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตที่สูงในอนาคต
ตลาดหุ้นยุโรป จากการที่มีจุดเด่นในการมีสัดส่วนหุ้นกลุ่มมูลค่า (Value Stock) และหุ้นกลุ่ม Real Economy เป็นสัดส่วนหลักในตลาด ซึ่งได้รับประโยชน์อย่างมากจากการกลับมาเปิดกิจกรรมเศรรษฐกิจ และการอนุญาตประชาชนเดินทางระหว่างประเทศได้ อีกทั้งยุโรปยังถือเป็นประเทศที่มีความล่าช้าในการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ จึงเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตของตลาด ในขณะที่มูลค่าตลาดหุ้นยุโรปเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ จึงเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากตลาดยุโรปได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ญี่ปุ่นเองก็กำลังเร่งกระจายวัคซีนถึงแม้จะเริ่มช้ากว่าประเทศอื่น แต่อัตราการเร่งกระจายการฉีดก็สามารถทำได้ค่อนข้างเร็ว เห็นได้จากสัญญาณบวกจากการชะลอลงของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหลักในการกลับมาฟื้นตัวได้ ถึงแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันในเรื่องของการแพร่ระบาดในระลอกที่สี่ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จนทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องประกาศมาตรการฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ถึงวันที่ 20 เมษายน 2564
ปัจจุบันนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในตลาดหุ้นเหล่านี้ได้ง่ายๆ โดยการลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนีหรือ Index Fund ซึ่งมีการเคลื่อนไหวของดัชนีเทียบเคียงกับดัชนีอ้างอิงตามกองทุน เช่น
การกระจายการลงทุนในต่างประเทศนับว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และยังเป็นการสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างจากตลาดหุ้นในประเทศ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังช่วยลดการกระจุกตัวในการลงทุนแต่เพียงในประเทศที่ยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความรวดเร็วในการกระจายวัคซีนที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ ดังนั้นการกระจายการลงทุนไปยังประเทศที่มีความชัดเจนในการควบคุมการแพร่ระบาดและการกระจายวัคซีน รวมไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรประเมินความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองก่อนลงทุน เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนในกองทุนดัชนีต่างประเทศมีความเหมาะสมกับเราก่อนที่จะเริ่มลงทุน
บทความโดย คุณยุทธพล วิทยพาณิชกร Executive Director, กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์ และกองทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
*ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2564
ที่มา : The Standard Wealth