ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
SCB CIO ชู Property Backed Loan นำกระแสเงินสดลงทุนในภาวะตลาดผันผวน
ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส SCB Chief Investment Office (SCB CIO) เปิดเผยกับ Money Chat ว่า ภาพเศรษฐกิจโลก และการลงทุน ขณะนี้มี 3 ธีม ได้แก่
1. ดอกเบี้ยขาขึ้น ที่มาจากเงินเฟ้อที่สูงมาก เชื่อว่า ใน 1-2 เดือนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง จะให้สัญญาณชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ตลาดยังมองว่ามีความไม่แน่นอนในบางประเด็น ซึ่งความไม่แน่นอนของการสื่อสารของเฟด ทำให้ตลาดผันผวนมาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประชุมเฟดเดือน มิ.ย.2565 จะมี Dot Plot ออกมา จะสร้างความชัดเจนให้ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ความตื่นเต้นตกใจน้อยลง โดยคาดว่าดอกเบี้ยเฟดสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ 2.75% รวมไปถึงการปรับลดขนาดงบดุล (QT)
2. เศรษฐกิจ หากดูจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง การบริโภคยังเติบโต่อเนื่อง ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งมาก โดยค่าจ้าง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยังเติบโตเฉลี่ย 5% ดังนั้นเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยค่อนข้างน้อย แต่ตลาดเงินเริ่มคิดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค เพราะตลาดการเงินโลก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มชะลอลง จากที่เคยพุ่งขึ้น ทำให้ต้องหาที่ปลอดภัยอยู่
3. ความไม่แน่นอนเต็มตลาด ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร แต่ยังมีตลาดคริปโต ซึ่งมีผลเชื่อโยงกัน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการปิดเมืองจีนที่อาจทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวกว่าที่คาด และส่งผลกระทบต่อ Supply Chain ดังนั้นโดยรวมในปี 2565 ความผันผวนค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ ในแง่การลงทุนควรเลือกลงทุนระยะยาว และจัดพอร์ตการลงทุนที่มีสินทรัพย์ที่หลากหลาย ปรับพอร์ตให้เหมาะสมตามสถานการณ์ เพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องรับความเสี่ยงหนักในตลาดใดตลาดหนึ่ง รวมทั้งในตลาดมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ซึ่งมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น กองทุนที่ซื้อจะมีกองทุน Active, Passive และ ETF ก็ต้องเลือกว่าจุดไหนที่เราต้องการที่จะใช้เครื่องมือตัวไหน ในกรณีที่ตลาดกำลังผันผวน เศรษฐกิจกำลังชะลอ อาจจะไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสามารถมีกำไรให้กับผู้ลงทุนได้ อาจจะต้องพึ่งผู้จัดการกองทุนเป็นผู้เลือกให้ หรือซื้อทั้งตระกร้า
สำหรับการลงทุน มี Traditional Asset เช่น หุ้น พันธบัตร ซึ่งทุกคนคุ้นชิน มีตลาดให้เล่น แต่มีการ Mark to market และมีสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า Private Asset อยู่นอกตลาดฯ และมีความผันผวนน้อยกว่า Traditional Asset เพราะไม่ได้ถูก Mark to market ทุกวัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ในภาวะปัจจุบันอาจจะเหมาะสมกับเฉพาะกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ ซึ่งตามกฎของ ก.ล.ต.ให้เฉพาะลูกค้า High Net Worth และ Ultra High Net Worth
ดร.สาธิต ผ่องธัญญา ผู้อำนวยการอาวุโส Estate Planning and Family Office กล่าวว่า การลงทุนในที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และคอนโดมิเนียม ถูกมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวที่สร้างความมั่งคั่งระยะยาวให้กับนักลงทุนตลอดมา ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนในเรื่องของราคาหุ้น คริปโต การลงทุนในที่ดินก็ยังสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่ดี
ดังนั้นธนาคารจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ Property Backed Loan เป็นโครงการพิเศษที่ให้ลูกค้า Private Banking ที่มีทรัพย์สินกับธนาคารจำนวน 50 ล้านบาทขึ้นไป นำที่ดินมาจำนองหลักประกันกับธนาคาร ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารก็เข้ามาเป็นลูกค้า Private Banking ของธนาคารก่อน หลังจากนั้นสามารถนำที่ดินมาเขาโครงการดังกล่าวได้ วงเงนสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อลูกค้า อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าในตลาด อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับลูกค้าแต่ละคน และทำเลที่ดิน ระยะเวลาการชำระคืน 1-3 ปี
สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่จะนำมาเข้าโครงการมีหลายอย่างทั้งรูปแบบนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเปล่า สิงปลูกสร้าง คอนโดมิเนียม ที่พักอาศัย ที่ตั้งของบริษัทห้างร้าน ที่ดินปล่อยเช่า
“สมมติลูกค้าจ่ายดอกเบี้ย 3% ให้ธนาคาร ลูกค้านำเงินกู้ 100 ล้านบาท ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่หลายหลากได้ อาทิ หุ้นกู้ระยะยาว หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ระยะยาวหรือระยะสั้น ที่มีผลตอบแทนมากกว่า 3% หรือลูกค้าอยากลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า 3% โดยธนาคารช่วยดูผลิตภัณฑ์ที่จะไปลงทุนให้ โดยมีเงื่อนไขที่จะต้องซื้อผ่านธนาคารเรา”
ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าได้เงินกู้จากธนาคารไปแล้ว จะมีทีมงานให้คำปรึกษาของ SCB CIO ที่จะค่อยดูลูกค้าแต่ละคน สามารถรับความเสี่ยงได้ตรงจุดใด ก็จะจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับปัจจัยเหล่านี้ โดยปีนี้เป็นปีแห่งความผันผวนของตลาด ดังนั้นหากต้องการกระแสเงินสดเพื่อให้ลูกค้านำไปจ่ายดอกเบี้ย หรือจ่ายภาษีที่ดิน ซึ่งการจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation และการใช้ Product Solution มีความสำคัญมาก โดยรูปแบบการจัดพอร์ตจะมีการกระจายในสินทรัพย์ที่เป็น Traditional Asset และ Private Asset ทำให้ความผันผวนของพอร์ตน้อยลง และมองเรื่องกระสเงินสดที่จะได้รับในแต่ละปีเป็นตัวเข้ามาช่วยด้วย
โดยปัจจุบันแบ่งพอร์ตลูกค้าออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ พอร์ตเสี่ยงน้อย พอร์ตเสี่ยงปานกลาง และพอร์ตที่เสี่ยงสูง ซึ่งผลตอบแทนของ 3 กลุ่มนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 6-8% เพียงพอสำหรับจ่ายดอกเบี้ย หรือจ่ายภาษีที่ดิน
ดร.กำพล กล่าวทิ้งท้ายว่า หากเป็นนักลงทุนระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป ที่รับความผันผวนได้ ถือว่าตอนนี้เป็นจุดหนึ่งที่เป็นโอกาสลงทุน ซึ่งถ้าดูในแง่ของมูลค่าของหุ้น หลายๆ ตลาดลงมาค่อนข้างมาก เพียงแต่ไม่แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง เพราะปีนี้ยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก
ข้อมูล ณ วันที่ 25 พ.ค. 2565
ที่มา : รายการ Money Chat