เจาะลึกธุรกิจค้าทองคำที่นักลงทุนต้องรู้ กับ YLG Bullion International

ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด มีความปลอดภัยสูง และคนนิยมลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน ปัจจุบันการลงทุนทองคำมีหลากหลายรูปแบบ  นักลงทุนควรจะเลือกลงทุนอย่างไร มีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อราคาทองคำ? พบคำตอบและเคล็ดลับในการเปลี่ยนเงินให้เป็นทองคำโดยคุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมเสวนาโดยคุณศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด

gold-for-goal-scbtv-01

รู้จักธุรกิจค้าทองคำ


ในมุมมองของคุณฐิภา ภาพรวมตลาดทองคำในปี 2020 เป็นขาขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับขึ้น 30% ปิดสูงสุดที่  2,075 เหรียญต่อออนซ์ จากวิกฤตในปีนี้ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาก เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ รองจากหุ้นเทคโนโลยี


ในส่วนบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1993 ทำธุรกิจทองคำครบวงจร มีทั้งค้าส่งทองคำแท่ง ค้าปลีก รวมถึงทำ Trade Future โดยธุรกิจหลักคือการนำเข้าทองคำแท่งจากต่างประเทศขายให้ร้านค้าส่งและกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนทองคำตั้งแต่ 5 แสนถึง 1 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับธุรกิจค้าปลีกทองคำ มีหน้าร้านในชื่อ YLG Precious 2 สาขาที่เซ็นทรัลพระราม 9 และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ในปีที่ผ่านมาก็ได้ขยายช่องทางซื้อขายทองออนไลน์ทางเว็บไซต์ ซื้อได้ในราคาเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยนักลงทุนสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือโอนเงิน แล้วมารับที่สาขาหรือจัดส่งทางไปรษณีย์และแมสเซนเจอร์ อีกหนึ่งธุรกิจคือ YLG Bullion Singapore PTE.LTD. นำเข้าส่งออกทองคำขายให้กับร้านค้าส่งทองคำใหญ่ของแต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยกเว้นประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีบริษัท YLG Bullion & Futures Co.,Ltd ที่อยู่ภายใต้บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือ TFEX สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สต่างๆ ล่าสุดได้มีระบบให้นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำในตลาด Comex ผ่านทาง YLG Futures ได้ด้วย ซึ่งธุรกิจของกลุ่ม YLG ก็ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติ  


ล่าสุดเมื่อต้นปี กลุ่ม YLG เปิดตัวบริการใหม่ YLG Gold Saving  ตอบโจทย์พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ให้เข้าถึงการลงทุนทองคำง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายสะดวก ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ www.ylggoldsaving.com  ส่งคำสั่งซื้อขายโดยใช้ราคาเรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงิน 10 บาทและเก็บสะสมไปเรื่อยๆ และสามารถเลือกได้ว่าจะขายหรือรับเป็นทองคำจริง ซึ่งการบริการนี้ได้ผลตอบรับที่ดีในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจลงทุน และต่อไปจะพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่นเพิ่มความสะดวกมากขึ้น

ผลกระทบโควิดกับธุรกิจทองคำ


คุณฐิภากล่าวถึงวิกฤตไวรัสโควิดที่ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกว่า ธุรกิจค้าทองคำก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังมีความโชคดีในเรื่องของราคาทองคำที่ปรับขึ้น ส่งผลให้มีคนสนใจเข้ามาลงทุน ทำให้ธุรกิจยังคงมีอยู่เพราะมีคนอยากซื้ออยากขาย และด้วยเหตุผลที่สินทรัพย์อย่างอื่นให้ผลตอบแทนน้อยประกอบกับคนมีเวลามากขึ้น จึงหันมาสนใจลงทุนทองคำ ส่งผลให้มีคนมาเปิดบัญชีกับบริษัทมากขึ้น


อย่างไรก็ดี ในช่วงวิกฤต เกิดสถานการณ์ที่ความแตกต่างระหว่างราคารับซื้อ-ขายออกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเดินทางไปซื้อขายทองคำที่ต่างประเทศไม่ได้ จากเดิมที่ราคารับซื้อ-ขายออกตามประกาศสมาคมค้าทองคำอยู่ที่ 100 บาทก็เพิ่มขึ้นไปถึง 500 บาท ในช่วงแรกผู้ประกอบการพยายามรักษาส่วนต่างราคาเอาไว้ แต่เมื่อสถานการณ์โควิดรุนแรงขึ้นจนถึงขนาดที่สหรัฐอเมริกาต้องหยุดการบิน ส่งผลกระทบส่วนต่างราคา Bid/Offer ในตลาด Comex กว้างถึง 80 เหรียญสหรัฐจากเดิมไม่เกิน 1 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากส่งมอบสินค้าไม่ได้ ซึ่งราคาในตลาด Comex นี้ก็สะท้อนกลับมาที่ราคารับซื้อ-ขายออกในประเทศไทยก็กว้างขึ้นด้วย ซึ่งทางกลุ่ม YLG ได้ทำการ Hedging ป้องกันความเสี่ยงเรื่องราคาไว้แล้ว


ทั้งนี้ ในส่วนของทองคำที่จับต้องได้ (Physical Gold) คุณฐิภาอธิบายว่าทองคำในประเทศไทยต้องมีการนำเข้า-ส่งออกเกือบทั้งหมด โดยกลุ่ม YLG รับซื้อมาจากโรงหลอมในต่างประเทศที่ได้การรับรองมาตรฐาน LBMA ในรูปแบบทองคำแท่งไซส์ 1 กิโลกรัม ส่งเข้ามาทางเที่ยวบินส่งสินค้า จากนั้นก็ส่งไปที่โรงงานของร้านขายส่งเพื่อหลอมแปรรูปเป็นทองคำแท่งมาตรฐานไซส์เล็กหรือทองรูปพรรณ  เมื่อร้านทองรับซื้อทองแท่ง ทองรูปพรรณกลับเข้ามาขายต่อมาให้ YLG ทาง YLG ก็จะส่งกลับไปให้โรงงานต่างประเทศตรวจคุณภาพและหลอมใหม่ เมื่อไม่มีเที่ยวบินในช่วงโควิด การจะนำทองคำส่งออกต่างประเทศก็ยากขึ้น เช่นจะส่งทองไปสวิตเซอร์แลนด์ ก็ไม่มีไฟล์ทบินตรง ต้องไปแวะพักเปลี่ยนไฟล์ทหลายต่อ ยิ่งไปกว่านั้นโรงหลอมในยุโรปหลายโรงก็ลดกำลังผลิตลงหรือต้องปิดชั่วคราว จึงต้องจองโรงหลอมล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความยุ่งยากในช่วงวิกฤต กลุ่ม YLG ก็สามารถก็จัดการแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านไปได้ด้วยดี

ลงทุนทองคำต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง?


ในแง่ของการลงทุน จากข้อมูล World Gold Council นักลงทุนควรลงทุนทองคำในสัดส่วน 5-10% ของสินทรัพย์ทั้งหมด หรือถ้าชอบทองคำเป็นพิเศษก็ลงทุนได้ถึง 15% ทั้งนี้ คุณฐิภามองว่ายังมีโอกาสที่ราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเศรษฐกิจปัจจุบัน และในสถานการณ์ดอกเบี้ยต่ำที่นักลงทุนจะเปลี่ยนเงินสด มาพักที่ทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย สภาพคล่องสูง  อีกทั้งยังอยู่กับคนไทยมานาน คนเข้าถึงง่าย ให้ผลตอบแทนที่ดี ประกอบกับในช่วง 4-5 ปีทีผ่านมา ธนาคารกลางประเทศต่างๆ เช่น ธนาคารกลางจีน รัสเซียได้โยกเงินลงทุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นทองคำ อีกทั้งทองคำก็เป็นหนึ่งในทางเลือกของการลงทุนที่คนนิยม แม้ว่าจะมีสินทรัพย์ใหม่อย่างสกุลเงินดิจิทัลก็เหมาะกับคนรุ่นใหม่ แต่คนรุ่นผู้ใหญ่ที่ลงทุนจำนวนมากก็ยังนิยมลงทุนในทองคำรูปแบบ Physical Gold ที่จับต้องได้


ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำ คุณฐิภามองว่าระยะยาวราคาทองคำเป็นช่วงขาขึ้น จากบทวิเคราะห์ต่างประเทศมองไปถึงระดับราคา 2,300 – 3,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่ในมุมมองคุณฐิภาที่มองอย่าง Conservative ว่าราคาทองต้องผ่าน 2,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ให้ได้ก่อน ซึ่งในปีนี้ก็ปรับขึ้นมาทดสอบที่ระดับ 2,075 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ไปแล้ว ในส่วนแนวรับ ต่างประเทศมองว่าต่อไปแนวรับราคาทองคำอยู่ที่ 1,900 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และจะปรับฐานที่ 1,900 - 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ก่อนจะดีดตัวขึ้นไป


คุณฐิภากล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วง 5-6 ปีก่อนที่ราคาทองปรับตัวลดลงมาก จะปรากฎข่าวเกี่ยวกับต้นทุนทองที่หน้าเหมืองเฉลี่ยที่ประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยคุณฐิภามองว่าเป็นราคา Floor ของทองคำที่ไม่ว่าจะปรับลดลงไปอย่างไร ก็จะไม่ต่ำไปกว่าราคาต้นทุนหน้าเหมือง ซึ่งเมื่อเทียบกับการลงทุนหุ้นหรือสกุลเงินดิจิทัลที่ราคาสามารถปรับตัวลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีฐานรองรับ ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ ที่ทองคำหายากขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซื้อสุทธิต่อเนื่อง กลุ่มกองทุน ETF ก็เข้ามาซื้อมากเป็นประวัติการณ์


ส่วนคำถามว่าราคาทองจะปรับตัวลงเมื่อไร คุณฐิภาตอบว่าต้องดูที่เศรษฐกิจ ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น เริ่มมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น เป็นสัญญาณว่าราคาทองจะปรับตัวลดลง เช่นในปี 2008 ราคาทองเริ่มปรับลดลงในจังหวะที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นและมีการดึงเงินกลับ ซึ่งเป็นรูปแบบวัฏจักรทางเศรษฐกิจ

ลงทุน Gold Futures คืออะไร


ในส่วนการลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำ หรือ Gold Futures คุณฐิภามองว่าหากเข้าใจวิธีการทำ Leverage ก็สามารถทำกำไรได้อย่างดี เช่นถ้าใช้เงิน 3 แสนบาทซื้อทองบาทละ 30,000 บาท ก็จะได้ทอง 10 บาท หากในวันรุ่งขึ้นราคาทองปรับขึ้นเป็น 31,000 บาท เอาทองกลับมาขายก็จะได้กำไร 10,000 บาท แต่ถ้าเป็นการลงทุนใน Gold Futures ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ คือซื้อเป็นเงินบาท กับซื้อเป็นดอลลาร์ โดยการซื้อ Gold Futures ทองคำ 10 บาทที่ราคาบาทละ 30,000 บาท ไม่จำเป็นต้องใช้เงินถึง 300,000 บาท แต่ใช้เงินแค่ 10% หรือเพียง 30,000 บาทที่เรียกว่าวาง Margin ในการซื้อสัญญาทอง 10 บาท มูลค่า 300,000 บาท แล้วนำเงินที่เหลือ 270,000 บาทไปฝากเอาดอกเบี้ย เมื่อราคาทองปรับขึ้นไป เป็นบาทละ 31,000 บาท ก็ขายสัญญาฟิวเจอร์สทอง 10 บาทนั้น ได้เงินกลับมาทั้งหมด 40,000 บาท เป็นกำไร 10,000 บาทเช่นกัน ขณะที่เงิน 270,000 บาทก็ยังนำไปฝากได้ดอกเบี้ยอยู่ ดังนั้น ถ้าศึกษาให้ดีและลงทุนอย่างมีวินัย Gold Futures เป็นโอกาสที่จะทำกำไรได้โดยใช้เงินทุนน้อยลง ในทางกลับกันก็สามารถซื้อ Short ลงทุนในช่วงราคาทองขาลงได้ด้วย  ก่อนหน้านี้ตลาด Gold Futures เป็นที่นิยมในกลุ่มร้านจิลเวลรี่ที่ทำ Hedging ราคาทองเพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่ปัจจุบันมีกลุ่มนักเก็งกำไรมาลงทุนในตลาด Futures มากขึ้น

ปัจจัยในอนาคตอันใกล้ที่ส่งผลต่อราคาทอง


คุณฐิภามองว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ควรโฟกัสไปที่การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหากว่าฝั่งพรรคเดโมแครตนำโดยโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นจะร่วง ราคาทองจะพุ่งขึ้น แต่ถ้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเป็นสมัยที่ 2  ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น ราคาทองจะลดลง อย่างไรก็ดี ยังมีความไม่แน่นอนเพราะประธานาธิบดีทรัมป์มักจะมีนโยบายที่คาดไม่ถึงส่งผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน การพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ฯลฯ ซึ่งส่งผลต่อความไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจโลก


คุณฐิภาสรุปถึงการลงทุนในทองคำว่าด้วยความที่ทองเป็นสินทรัพย์ที่ผู้คนนิยมลงทุนเมื่อเกิดความไม่แน่นอน  จึงแนะนำให้เริ่มออมทองหรือลงทุนในทองเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งทาง YLG มีให้เลือกลงทุนหลายรูปแบบทั้ง Physical Gold, ระบบออนไลน์ www.ylggoldsaving.com ให้ผู้ที่สนใจออมทองลงทุนได้สะดวกรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ รวมถึงการที่ YLG ก็มีบทวิเคราะห์ช่วยในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ylgbullion.co.th และ Facebook/LINE YLG Bullion ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่สนใจลงทุนในทองคำอย่างครบถ้วน

หมายเหตุ

Hedge/การป้องกันความเสี่ยง : การซื้อหรือขายอนุพันธ์เพื่อบริหารความเสี่ยงของตน เช่น ผู้ที่มีความจำเป็นต้องซื้อน้ำมันมีความเสี่ยงจากการที่ราคาน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้น อาจใช้การซื้อฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับราคาน้ำมันเพื่อบริหารความเสี่ยง
Leverage : การที่ผู้ลงทุนใช้เงินลงทุนน้อย แต่มีโอกาสที่จะได้กำไรหรือขาดทุนมากเมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุนไปนั้น เช่น การลงทุนซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส จะมีการจ่ายเงิน ณ วันทำสัญญาแค่ประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา จึงเท่ากับเป็นการยกระดับกำไร ทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อยไปลงทุนในสัญญาที่มีมูลค่ามากได้
Short Position/สถานะขาย : สถานะในสัญญาฟิวเจอร์สที่เกิดจากการขายสัญญาฟิวเจอร์ส ผู้ที่มีสถานะขายจะได้กำไรหากราคาฟิวเจอร์สมีค่าลดลง

(ที่มา : ศัพท์การลงทุน https://www.tfex.co.th/th/education/glossary.htm)

ที่มา : SCBTV Treasure Your Passion EP 1 : Gold for Goal กำไรที่งอกเงยจากทองคำ โดยคุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ออกอากาศทาง FB/YT วันที่ 6 ต.ค. 2563