ชีวิตเริ่มต้นหลังถูกไล่ออก

เรื่อง: กตัญญู สว่างศรี


Hi-Lights:

  • “The Internpreneur” คือเรื่องราวของวัยรุ่นเลือดร้อน บ้าฝัน ที่ลงมือทำทุกอย่างขึ้นมาจากศูนย์ สู่จุดเริ่มต้นของการทำงานที่ท้าทายทั้งความสำเร็จ ความสัมพันธ์ และความหมายของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงระหว่างทางอยู่เสมอ ในฐานะของผู้ประกอบการฝึกหัดและความชอบส่วนตัวที่มีในหนังเรื่อง “The intern”
  • แต่ละคนต่างก็มีจุดเปลี่ยนในชีวิต อาจด้วยโชคดี หรือบางทีโชคร้ายก็นำพาสิ่งดีๆ ตามมา แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่เรื่องโชค และไม่ใช่เรื่องที่ดีในตอนแรก แต่ท้ายที่สุด เหตุการณ์สำคัญนี้กลับเป็นตัวปักหมุด ให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตด้วยหลักไมล์แบบใหม่ ความหมายที่ต่างออกไปจากเดิม และเติบโตเข้มแข็ง


2019

ผมไม่เคยคิดจะเป็นเจ้าของบริษัท ไม่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นหัวหน้า ไม่ถนัดการดูแลใคร


แต่แล้ววันหนึ่ง ผมพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในบ้านแสนสวยย่านเอกมัยที่ถูกทำให้กลายเป็นออฟฟิศ พร้อมเจ้า ‘มอมแมม’ หมาน้อยขี้เหงาที่เดินเล่นรอบโต๊ะประชุม ส่งเสียงครางหงิงๆ เซ้าซี้ชวนเล่นอยู่ตลอดเวลา


อีกสิบห้านาทีการประชุมประจำสัปดาห์กำลังจะเริ่ม


ผมหงายแมคบุคโปรปี 2016 แล็ปท็อปตัวเก่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตทุกอย่างในช่วงเวลาเพียง 4 ปี


สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นราวกับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จากนักเขียนที่ไม่เคยมีหนังสือขายดีและอดีตพนักงานที่เคยถูกไล่ออก ผมเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นคนทำธุรกิจที่มีความใฝ่ฝัน และแบกความรับผิดชอบเกินกว่าตัวเองเคยคิดว่ารับได้


บันทึกเรื่องราวจากนี้ไปจนถึงตอนต่อๆ ไป อาจไม่ใช่ความรู้เพื่อการพัฒนาหรือแรงบันดาลใจที่กระตุกต่อมชวนค้นหาตัวตนใดๆ หากสิ่งที่ผมจะเล่าต่อจากนี้คือเรื่องราวของวัยรุ่นเลือดร้อน บ้าฝัน ที่ลงมือทำทุกอย่างขึ้นมาจากศูนย์ สู่จุดเริ่มต้นของการทำงานที่ท้าทายทั้งความสำเร็จ ความสัมพันธ์ และความหมายของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงระหว่างทางอยู่เสมอ


ในฐานะของผู้ประกอบการฝึกหัดและความชอบส่วนตัวที่มีในหนังเรื่อง The intern ผมจะบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ในนาม ‘The Internpreneur’ เรื่องราวของผู้ประกอบการตัวเล็ก ที่เริ่มต้นบริษัท สู่มิตรภาพ การจากลา ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต


เรื่องแรกที่ผมอยากเล่าจะขอพาผู้อ่านย้อนไปยังจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตผมเดินทางมาจุดนี้ ผมเชื่อว่าแต่ละคนต่างก็มีจุดเปลี่ยนในชีวิต อาจด้วยโชคดี หรือบางทีโชคร้ายก็นำพาสิ่งดีๆ ตามมา


แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่เรื่องโชค และไม่ใช่เรื่องที่ดีในตอนแรก แต่ท้ายที่สุด เหตุการณ์สำคัญนี้กลับเป็นตัวปักหมุด ให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตด้วยหลักไมล์แบบใหม่ ความหมายที่ต่างออกไปจากเดิม และเติบโตเข้มแข็งอย่างที่ผมนึกไม่ออกเลยว่าประสบการณ์ใดให้ผมได้เท่านี้ หากจะกล่าวให้ชัดเจนง่ายดายที่สุด


ชีวิตผมได้เริ่มใหม่อย่างมีความหมายที่แท้จริง หลังจากโดน “ไล่ออก”

บ่ายวันที่ลืมเดือนปีไปแล้ว

ผมลงรถเมล์ก่อนจะถึงบ้านสามป้าย ฟุตบาทกว้าง แสงสาดลงมาเป็นสีส้ม วิวของท้องฟ้า ทุ่งร้างสวยงามแต่ในใจผมยังคงหมองหม่น ไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยืนเด่นสง่างามโดดเดี่ยว ผมหยุดนิ่งเวลาไม่มีความหมายใดๆ ผมมีเหลือเฟือให้หยุดยืนมองทุกสิ่งได้ทั้งวันทั้งคืน


“ทำเสื้อยืดขายดีไหม ให้ชื่อว่า Tree-shirt เป็นลายต้นไม้”


ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ผมสับสน ตั้งคำถามกับชีวิตมากมาย ทำไมเราห่วยแตกได้ขนาดนี้ เราจะทำอะไรต่อไปได้ดีอีกไหม


น้ำตานองหน้าตอนที่ผมแอบเอากุญแจไปทิ้งไว้ที่ออฟฟิศในตอนเช้า พร้อมข้อความขอบคุณสั้นๆ บนกระดาษใบหนึ่ง ผมเคยเป็นนักเขียนที่มีคนจับตามอง เขียนคอลัมน์ ออกพ็อกเก็ตบุ๊กตั้งแต่อายุยังน้อย เป้าหมายชีวิตคือการเป็นนักเขียนและบรรณาธิการที่มีชื่อเสียง


จนวันหนึ่งผมถูกทาบทามให้ไปร่วมทีมนิตยสารที่เท่มากในแวดวงวรรณกรรม

...แล้วผมก็ร่วงลงมาจากจุดนั้น


เหตุการณ์ทุกอย่างกระจ่างชัดในความทรงจำ ผมอยู่ในออฟฟิศสองคนกับหัวหน้าที่เป็นนักเขียนรุ่นใหญ่เป็นศิลปินแถวหน้าของประเทศ ก่อนหน้านั้นผมรู้ตัวถึงความไม่พอใจในผลงาน และความบาดหมางก็รุนแรงและชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผมมีความทุกข์กับชีวิตที่นั่น


แต่ผมก็คิดว่าจะสู้และพิสูจน์ตัวเองให้ได้ เพราะนี่คือความฝัน คือเป้าหมาย ผมได้ทำงานกับคนที่ผมมองว่าเป็นต้นแบบของชีวิต ได้รางวัลอันยิ่งใหญ่มีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ และมีอิสระยิ่งกว่างานใดๆ ที่ผมจะหาได้ นั่นคือความคิดตอนนั้น


“คุณกตัญญู ผมไม่ให้คุณผ่านโปรนะ” คำพูดนี้ดังขึ้นระหว่างความคิดต่อสู้ของผม


ผมนิ่ง อึ้ง หัวใจมันหล่นวูบ หัวใจสลาย


“คุณใช้แต่ปากทำงาน” นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ให้เหตุผลกับผม


หลังจากได้ยินคำนั้น ผมแปรเปลี่ยน ผมโกรธ โมโห เป็นความรู้สึกเจ็บแค้นแสนทรมาน ทั้งโดนเขี่ยทิ้งและดูถูกจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหน สารภาพตามตรงว่าผมโกรธจนคิดอยากลุกไปต่อยสักหมัดให้หายแค้น แต่ผมนิ่งเงียบไม่พูดอะไร


“คุณอย่ามาใช้อารมณ์กับผม” นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่รู้ทันจิตใจผู้คน


ผมนั่งนิ่ง เก็บกดทุกความรู้สึก ไม่อยากให้น้ำตาแห่งความอับอายไหลออกมาต่อหน้าเขา จากคนที่ผมรู้สึกรัก ผมเกลียดเขาสุดหัวใจ ไม่มีใครที่ทำให้ผมเกลียดได้ขนาดนี้มาก่อน ผมเกลียดนักเขียน ผมเกลียดงานเขียน หัวหน้าบอกว่าจะยังจ่ายเงินเดือนนี้ให้ และให้ไปหางานทำ ผมแน่ใจทันทีว่าจะไม่เอาเงินเค้าอีกสักแดงและจะออกไปหาหนทางด้วยตัวเองให้ได้!


วันต่อมา ผมก็มายืนงงอยู่ริมถนนอย่างที่เล่าไปนั่นเอง


ถึงเวลาประชุมแล้วครับ น้องๆ ในทีมมากันแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อน


ไว้คราวหน้าผมจะมาเล่าถึงชีวิตหลังถูกไล่ออกซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งผลลัพธ์ของเรื่องราวแย่ๆ กลับไม่ได้เป็นแบบที่ผมคาดคิดไว้เลยสักนิด