ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ปลุกทักษะผู้นำโต้กระแสคลื่นยุค New Normal
New Normal คือ ความท้าทายใหม่ที่ผู้นำองค์กรต้องจัดกระบวนทัพให้สามารถก้าวเดินต่อไปได้ องค์กรใดหากผู้นำมีวิสัยทัศน์มองทะลุเห็นโอกาสท่ามกลางความไม่แน่นอน ย่อมเปรียบเสมือนมีเข็มทิศธุรกิจให้เดินถูกที่ไม่หลงทาง ผู้นำองค์กรควรศึกษาเรื่องอะไร มีคุณสมบัติแบบไหนที่จะฝ่าฟันกระแสความเปลี่ยนแปลงแห่งยุค New Normal ได้ ไทยพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ จัดอบรมในหลักสูตร NIA- SCB Innovation-Based Enterprise (IBE) รุ่นที่ 2 ให้กับผู้ประกอบการ SME เพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ให้มีขีดความสามารถนำธุรกิจโต้กระแส New Normal โดยมี คุณอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา Founding Partner บริษัท SLINGSHOT มาเล่าถึงเทรนด์โลกและไทยหลังวิกฤตโควิด องค์ประกอบความสำเร็จขององค์กรและผู้นำต้องมีทักษะแบบไหนที่จะพาธุรกิจให้อยู่รอด
เทรนด์โลก - เทรนด์ไทย หลังโควิดจะเกิดอะไรขึ้น
คุณอภิวุฒิกล่าวว่า หลายคนอาจคิดว่าหลังจากวิกฤติโควิดถ้ามีหากมีวัคซีนแล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ธุรกิจก็จะดำเนินต่อไปตามที่เคยเป็น แต่ในความจริงแล้วไม่มีทางที่จะกลับไปเหมือนเดิม สำหรับคนเป็นผู้บริหารจะต้องรู้ว่าต่อจากนี้ไป อะไรจะเป็น New Normal เพื่อเป็นผู้ชี้นำวิสัยทัศน์และทิศทางขององค์กรต่อไป และเมื่อถามว่าเวลาพูดถึง New Normal จะนึกถึงอะไร บางคนอาจบอกว่าคือ การใส่หน้ากาก ขายของออนไลน์ วิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น การใช้หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานจากคน Work from Home สรุปแล้ว New Normal คือ อะไรกันแน่
เพื่อไม่ให้สับสนว่าโลกหลังจากโควิดอะไรจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอนำเครื่องมือหนึ่งตัวหนึ่งมาแนะนำให้กับผู้บริหารได้รู้จักมีชื่อว่า Future Platform ซึ่งเป็นการนำงานวิจัยมาผสมกับ AI เพื่อหาปรากฎการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นงานวิจัยที่มีชีวิตเนื่องจากอัพเดทข้อมูลจากแบบ Realtime งานวิจัยนี้มีชื่อว่า The World Radar after Covid เพื่อเป็นการแสดงปรากฎการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากโควิดสิ้นสุดลงเรียกว่า Future Radar ปรากฎการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น มีวิธีการดูจากภาพตัวอย่างนี้
1.จุดรอบนอก หมายถึง สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่จะเกิดขึ้นภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า 2.จุดใกล้จุดศูนย์กลางหมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหรืออีกไม่นานจะเกิดขึ้น โดยจุดแต่ละสีจะมีความหมายที่ต่างกันดังนี้ จุดสีเขียว หมายถึง มีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก จุดสีน้ำเงิน หมายถึง มีสัญญาณว่าเกิดขึ้นแต่ปรากฎการณ์นี้อาจหายไปก็ได้ และจุดสีแดง หมายถึง ยังไม่แน่ใจว่าปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นจะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่ง Future Radar นี้ อยากให้ผู้บริหารให้ลองใช้เครื่องมือตัวนี้ดูจะได้ทราบความเปลี่ยนแปลงหรือเทรนด์ของโลกหลังโควิดว่าเป็นอย่างไรมีสิ่งใดที่จะมากระทบต่อธุรกิจของเราจะได้ใช้เป็นแนวทางในการปรับธุรกิจหรือรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ สามารถเข้าไปดูเทรนด์โลกได้ที่ https://www.futuresplatform.com/
จะเห็นได้ว่าจาก Global Trend หลังโควิดจะมีปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณ 50-60 ปรากฎการณ์และมีบางปรากฎการณ์ที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเลย ดังนั้นเพื่อเจาะลึกลงไปจึงได้มีการทำการสำรวจผู้บริหารคนไทย 300 คนว่าจาก Global Trend ที่เกิดขึ้นให้เลือก 10 อันดับที่คาดการณ์ว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย ประกอบด้วย 10 ปรากฎการณ์ดังนี้
ทั้ง 10 ปรากฎการณ์ที่กล่าวมานี้ คือ เทรนด์ที่ผู้บริหารองค์กรในไทยโหวตเลือกแล้วว่าน่าจะเป็นปรากฎการณ์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งผู้บริหารธุรกิจจะต้องมองเห็นเทรนด์ดังกล่าวให้ออกเพื่อที่จะได้ใช้เป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์และสร้างโอกาสทางธุรกิจต่อไปได้ และแต่ละปรากฎการณ์นั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจตามอุตสาหกรรมมากน้อยแตกต่างกันออกไป
เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเคยเฟื่องฟูกลับต้องล้มเหลว
คุณอภิวุฒิกล่าวต่ออีกว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ขอยกตัวอย่างบริษัทมือถือหลายแห่งได้ปิดตัวลง ถูกควบรวมกิจการ ไม่ว่าจะเป็น Motorola, Nokia, NEC, Ericson และ Panasonic ลองมาคิดกันดูว่าอะไรที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องล้มเหลว คำตอบคือ 1.ปัจจัยภายใน ได้แก่ นโยบาย,วิสัยทัศน์,วัฒนธรรมองค์กร เป็นต้น และ 2.ปัจจัยภายนอก ได้แก่ คู่แข่ง, พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง, สภาพเศรษฐกิจ เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยมีผลทำให้ธุรกิจล้มเหลวได้เช่นกันแต่ทว่าปัจจัยภายในกลับมีผลกระทบมากกว่าปัจจัยภายนอกเพราะเหตุใด
7 ปัจจัยองค์ประกอบแห่งความสำเร็จขององค์กร
อยากให้ลองสังเกตว่าทำไมเวลาที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกจึงมีเพียงบางองค์กรเท่านั้นที่อยู่รอดและบางองค์กรที่ต้องร่วงหายไป นั่นหมายความว่าปัจจัยภายในมีผลกระทบต่อการทำให้ธุรกิจอยู่รอดหรือไม่รอดมากกว่าปัจจัยภายนอก จึงขอแนะนำ 7 ปัจจัยภายในที่เป็นองค์ประกอบที่จะนำความสำเร็จมาสู่องค์กรมีดังนี้
1. มีผู้นำระดับ 5 (Leader Level 5) หมายถึง ธุรกิจต้องมีผู้นำระดับ 5 จึงจะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ แล้วผู้นำระดับ 5 คืออะไร ผู้นำระดับ 5 จะต้องมี 3 คุณสมบัติคือ ก-ก-น หมายถึง เก่ง-กล้า-น่ารัก เก่ง คือ ทำงานเก่ง กล้า คือ กล้าเปลี่ยนแปลงทำอะไรใหม่ๆ และน่ารัก คือ ทำตัวน่ารักกับคนรอบข้าง โดยผู้นำมี 5 ระดับดังนี้
2.
มีพนักงานที่ใช่ (Right People)
หมายถึง ไม่ใช่พนักงานทุกคนจะเป็นทรัพยากรที่มีค่า แต่พนักงานที่ใช่เท่านั้นที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าขององค์กร ในอดีตองค์กรจะดูยอด Turnover ว่าสูงคือไม่ดี แต่ปัจจุบันจะดูจาก Regret Loss หรือความสูญเสียที่น่าเสียใจถ้ามีมากจะถือว่าไม่ดี เช่น แม้ว่าองค์กรจะมียอด Turnover สูงถึง 30% แต่ถ้าหากในยอดนั้นมี Regret loss แค่ 2% ก็นับว่าดี
3.
มีโฟกัส (Focus)
หมายถึง ธุรกิจต้องมีโฟกัสเพราะว่ามีข้อจำกัดด้านทรัพยากร ไม่ควรทำหลายอย่างต้องรู้จักจุดแข็งของตัวเอง ธุรกิจต้องรู้ว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เช่น Netflix ทำเฉพาะหนัง,ซีรีส์,สารคดี แต่ไม่ทำข่าวและกีฬา เป็นต้น
4.
มีกลไกในการรับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback Mechanism)
หมายถึง ธุรกิจต้องมีกลไกเพื่อให้ลูกค้าและพนักงาน Feedback มาถึงผู้บริหารได้ โดยกลไกไม่ต้องซับซ้อนหรือลงทุนอะไรมากมาย เช่น สนามกอล์ฟ มีกลไก Feedback การให้บริการของแคทดี้ โดยให้นักกอล์ฟเอาป้ายเบอร์แคทดี้คืนเวลาออกจากสนามโดยให้หย่อนลงในกระป๋องมีให้เลือก 3 กระป๋อง 1.หน้ายิ้ม 2.หน้าเฉย 3.หน้าเบ้ แม้ว่าจะเป็นวิธีการธรรมดาแต่ก็ทำให้ผู้บริหารสามารถรับรู้ Feedback จากลูกค้าได้
5.
มีวัฒนธรรมแห่งความมีวินัย (Culture of Discipline)
หมายถึง ธุรกิจมักจะเสียเวลาไปกับเรื่องที่ตกลงกันแล้วแต่ไม่ทำหรือเรื่องที่ไม่เห็นด้วยในห้องประชุมแล้วกลับไม่พูด ฉะนั้นธุรกิจควรมีการสร้างวัฒนธรรมความมีวินัยภายในองค์กร ซึ่งวัฒนธรรมจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีค่านิยมที่ทำกันเป็นระยะเวลานานๆ จากพฤติกรรมของคนหลายๆ คนในองค์กรที่ทำกัน
6. มีเทคโนโลยีเพื่อเร่งความสำเร็จ (Technology to Accelerate Success)
หมายถึง ธุรกิจต้องหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อมาขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นไวขึ้น
7. มีความปราดเปรียว (Agility) หมายถึง ธุรกิจต้องพร้อมรับกับการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
จะเห็นได้ว่าผู้นำหรือผู้บริหารธุรกิจในยุค New Normal ต้องมีวิสัยทัศน์พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ติดตามข่าวสารทันต่อเหตุการณ์ เพื่อตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่พลิกผันคาดเดาได้ยาก รวมถึงต้องเสริมปัจจัยภายในให้แข็งแกร่งเพื่อสร้างองค์ประกอบแห่งความสำเร็จให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน และสามารถเผชิญกับคลื่น New Normal ที่ไม่มีวันจะกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป
หลักสูตร NIA- SCB Innovation-Based Enterprise (IBE) รุ่นที่ 2 มีระยะเวลา 10 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 – กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สนใจสามารถติดตามสรุปรายละเอียดเนื้อหาการอบรมได้ที่
www.scb.co.th
และ
https://scbsme.scb.co.th/
ที่มา : หลักสูตร NIA- SCB Innovation-Based Enterprise (IBE) รุ่นที่ 2 โดยคุณอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา Founding Partner บริษัท SLINGSHOT วันที่ 8 ธันวาคม 2563