องค์กรระดับแนวหน้าของโลกทั้ง Apple, Google, Samsung หรือ IBM ต่างก็ใช้เทคนิค Design Thinking เพื่อขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมและสร้างผลลัพธ์ที่ตรงใจลูกค้าซึ่งนำมาสู่ความสำเร็จให้กับองค์กร ซึ่ง Design Thinking เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับคน หรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นกระบวนการที่พยายามทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า โดยการตั้งสมมติฐาน ระบุปัญหา พัฒนาไอเดีย ซึ่งมี 5 ขั้นตอนหลักได้แก่ Empathize, Define, Ideate, Prototype และ Test องค์กรต่างๆได้ให้ความสนใจในการนำหลักการของ Design Thinking มาใช้ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า แน่นอนว่า Design Thinking นั้นมีประโยชน์ต่อองค์กร แต่สิ่งที่หลายองค์กรอาจจะยังไม่ได้คิดหรือวางแผนคือจะนำ Design Thinking เข้ามาริเริ่มใช้ในองค์กรอย่างไรให้คนในองค์กรยอมรับและใช้กระบวนการทำงานแบบนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้เรามีเทคนิคในการนำ Design Thinking มาริเริ่มใช้ในองค์กรให้ประสบความสำเร็จมาฝากกัน

1. เริ่มจากส่วนเล็กๆ  Design Thinking ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถนำมาปรับเปลี่ยนทั้งองค์กรได้ทันทีเพียงข้ามคืน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ให้พนักงานปรับแนวคิด และเริ่มฝึกปฎิบัติกระบวนการทั้ง 5 อย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นเริ่มทำกับกลุ่มหรือโครงการเล็กๆ ก่อน โดยเริ่มจากทีมงานหนึ่งหรือพนักงานกลุ่มหนึ่งให้ปรับแนวคิดและลองปฏิบัติโดยทำโปรเจคเล็กๆ เป็นการทดลอง โดยอาจกำหนดให้สัปดาห์หนึ่งมีวันหนึ่งที่ทีมที่กำหนดต้องลองใช้เทคนิค Design Thinking มาประยุกต์ใช้ แล้วจึงค่อยๆขยายวงให้กว้างขึ้

2. กำหนดตัวผู้ที่จะเรียนรู้เป็นกลุ่มแรกและคนที่จะทำหน้าที่สอนและจูงใจพนักงานที่เหลือ ใ นการนำแนวคิดหรือวิธีการทำงานใหม่ๆ เข้ามาใช้ในองค์กร มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยอมรับสิ่งใหม่และประยุกต์ใช้ได้เร็ว อาจจะเป็นบางคนที่เคยมีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อนหน้า หรือเป็นคนที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำให้คนกลุ่มแรกเหล่านี้กระจายความรู้และจูงใจคนอื่นๆ สร้าง network ของการเรียนรู้และกระจายความรู้ หรือการสร้างแชมป์เปี่ยนของแต่ละแผนกที่เป็นผู้ขับเคลื่อนและสอนคนอื่นในทีมให้ยอมรับและประยุกต์ใช้

3. หลีกเลี่ยงการทำงานแบบไซโลในแต่ละทีม แต่ละแผนก  Design Thinking เป็นการใช้ความรู้ข้ามสายงานและเป็นการทำงานร่วมกันของหลายฝ่าย ซึ่งจะมีประโยชน์มากที่สุดถ้ามีการระดมสมอง แชร์ไอเดียจากคนที่มีประสบการณ์แนวคิด มุมมองที่หลากหลายมาทำงานร่วมกัน ดังนั้นถ้ามีการฝึกปฏิบัติหรือทดลองทำโปรเจคควรจะมีคนจากหลากหลายทีมเข้ามาทำงานร่วมกัน

4.ต้องเข้าใจว่า Design Thinking เป็นกระบวนการที่มีความไดนามิกไม่ติดกับสายการบังคับบัญชา ในกระบวนการทำงานแต่ละสเต็ปไม่จำเป็นต้องทำตามสายการบังคับบัญชา และไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนแต่ละขั้น สามารถกระโดดข้ามขั้นและย้อนกลับมาใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก Empathize, Define, Ideate, Prototype และ Test ไล่ไปตามนี้กับทุกปัญหา สามารถระโดดข้ามขั้นตอนได้ตามธรรมชาติของแต่ละปัญหา

5. ระบุให้ชัดเจนว่าจะวัดผลความสำเร็จอย่างไร องค์กรจะมีการสื่อสารและระบุการวัดความสำเร็จของการนำ Design Thinking ไปปฏิบัติอย่างไร ต้องมีระบบในการวัดความคืบหน้าในงาน มีโปรเจคไหนบ้างที่ใช้ Design Thinking ในการทำงาน หรือการวัดความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อการนำ Design Thinking มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน

Design Thinking ก็เหมือนกับการนำสิ่งใหม่ๆ อื่นๆ เข้ามาสู่องค์กรซึ่งต้องอาศัยเวลาในการซึมซับและเข้าใจอย่างแท้จริงและนำไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กร องค์กรต้องหาวิธีในการสื่อสาร จูงใจให้พนักงานเข้าใจ เห็นประโยชน์และนำไปปฏิบัติอย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ  ถึงแม้จะต้องใช้เวลาและความพยายามแต่ถ้าปฏิบัติได้อย่างถูกต้องก็จะนำผลลัพธ์ที่ดีและสร้างความพึงพอใจและตอบโจทย์ความลูกค้าได้อย่างแท้จริง

อ้างอิง

https://www.invisionapp.com/inside-design/introduce-design-thinking/