ธุรกิจใดๆ จะประสบความสำเร็จได้ เช่นธุรกิจโรงแรม นอกจากจะสร้างโรงแรมให้สวยงามโดดเด่นมีจุดขาย มอบประสบการณ์การบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า  แต่แค่นั้นยังไม่พอ การมียอดคนจองห้องพักอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ทุกโรงแรมต้องการ  ในยุคที่โซเซียลมีเดียเป็นจักรวาลของผู้บริโภค  การทำการตลาดออนไลน์ด้วย content  marketing  เพื่อดึงดูดความสนใจและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย  เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมต้องเรียนรู้  หลักสูตร The DOTS: Hotel Game Changer ได้นำผู้เชี่ยวชาญการทำ content marketing มาแชร์ประสบการณ์ให้ผู้เข้าอบรมนำความรู้ไปต่อยอด  สามารถลงมือทำได้จริง  โดยมี คุณเกษมศักดิ์ ศิริรักษ์ Managing Directo MOVF Media Group Co.,Ltd. เพจ Sneak Out หนีเที่ยว   ที่มียอดติดตามกว่า 25 ล้านคน คุณณฑิรา ว่องไพฑูรย์ Co-founder บริษัท โกกราฟ จำกัด คนทำ content  ผู้หลงใหลการท่องเที่ยวและการดีไซน์  และ คุณอมรพรรณ สมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ Hotel Industry Expert ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ปรึกษาด้านโรงแรมกว่า  15 ปี  ได้มาแชร์เคล็ดลับการสร้าง content อย่างน่าสนใจ

ใช้  Passion สร้างสรรค์  Content

การสร้างเพจผ่านโซเซียลมีเดียควรเริ่มต้นอย่างไร   กูรูทุกคนมองว่าจุดเริ่มต้นควรเกิดจากความชอบที่มีอยู่  การทำ content ที่มาจากความรักความชอบจะทำให้ไม่ต้องฝีนตัวเอง   มีคลังความรู้ที่เพียงพอ  ทำให้ทำได้นาน  ที่สำคัญ คือ  ต้องสร้างความแตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นทำอยู่   และแชร์ประสบการณ์ผ่านการเล่าเรื่องที่สนุกก็จะทำให้การสร้างเพจประสบความสำเร็จได้    ซึ่งไม่ต่างจากการสร้างเพจโรงแรม  ต้องมี character  ค้นหาตัวตนให้ชัดว่าโรงแรมเป็นแบบไหน  สื่อสารกับลูกค้ากลุ่มใด  แล้วสร้าง content จากสิ่งที่คนค้นหาก็จะทำให้เพจมีคนติดตาม

รู้เขา - รู้เรา  ปล่อย  Content  กี่ครั้งก็โดน

หลักการทำ content มี  3 ข้อ   ข้อแรก  ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน (ultimate goal)  ว่าจะทำ content แนวไหน  ทำเพื่ออะไร  ข้อสอง  ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายว่าคือใคร ข้อสามนำเสนอเนื้อหาจาก  pain point หรือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายตามหา   ที่สำคัญเป้าหมายต้องชัด

Viral สร้างได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

การทำ content ให้น่าสนใจจนเกิดเป็น  viral   ต้องศึกษาว่าคนต้องการเห็นอะไร   ต้องใช้เรดาร์หาให้เจอว่าช่วงเวลานั้นคนกำลังสนใจอะไรอยู่    ถ้ามีการใช้   social  monitoring ก็ยิ่งจะช่วยให้เข้าใจกระแสที่เกิดขึ้น   อีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม   เวลาคนจะแชร์ content  เพราะเห็นคุณค่า (value) ต้องมองให้ออกว่ากลุ่มเป้าหมายให้คุณค่ากับอะไร    และต้องรู้ว่า  content หนึ่งชิ้นไม่ได้พูดกับคนทั้งโลกแต่พูดกับกลุ่มเป้าหมายของเราเท่านั้น

คุณณฑิรา ว่องไพฑูรย์ Co-founder บริษัท โกกราฟ จำกัด   มองว่า  “ทำ content ให้ปังบางครั้งต้องลองผิดลองถูก  ดูกระแสคนว่าชอบแบบไหน  ดูข้อมูลเชิงลึก (insight) ว่าเรื่องอะไรที่คนอยากรู้โอกาสที่จะเป็น Viral ก็มีได้”

ในอีกมุมคุณอมรพรรณ สมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ Hotel Industry Expert ธนาคารไทยพาณิชย์  มองการสร้าง  content  สำหรับธุรกิจโรงแรมว่า  “ขอยกตัวอย่าง  โรงแรมสไตล์รีสอร์ท  เวลาที่มี  viral ต้องดูว่าเหมาะกับ  character ของโรงแรมหรือไม่  ไม่จำเป็นต้องตามทุกกระแส   ต้องระลึกเสมอว่าเป้าหมายที่จะสื่อสารคืออะไร  ใครคือลูกค้า   ลูกค้าอยากฟังหรือไม่   ตราบใดถ้าไม่รู้จักลูกค้าอย่างแท้จริง   เนื้อหาที่สื่อสารก็จะไม่สื่อถึง brand ของเรา”

โปรโมทสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักต้องทำอย่างไร

การทำ  destination content ในสถานที่ที่คนไม่รู้จัก  นอกจากจะต้องถ่ายภาพให้สวยงามดึงดูดใจ  ยังต้องนำเสนอด้วยไอเดียแปลกใหม่  มีวิธีการอย่างไรเพื่อจูงใจให้คนไปเที่ยวตาม  คุณเกษมศักดิ์ เพจ Sneak Out มองว่า   “คนทำ content  ต้องตอบให้ได้ว่าสถานที่นั้นดีอย่างไร   ต้องรู้ลึกรู้จริงเข้าใจพื้นที่นั้นมากกว่าคนทั่วไป หาจุดเด่นให้เจอว่าสถานที่นั้นมีข้อดีอะไร  ทำไมคนต้องไป  แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร  รวมถึงรูปแบบที่นำเสนอต้องโดนใจผู้บริโภค  และที่ขาดไม่ได้ให้ประสบการณ์อะไรกับคนที่ไป   นอกจากนี้ก่อนที่จะผลิต content   อยากให้ลองขายสถานที่นั้นทางออฟไลน์ก่อน    โดยหาลักษณะร่วมของลูกค้าเป้าหมายให้เจอ (persona)  และลองเสนอขาย  ถ้าขายไม่ได้  ก็เปลี่ยน persona ใหม่  จะได้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงิน   ถ้าขายออฟไลน์ไม่ได้อย่าลงออนไลน์  ต้องกลับมาปรับปรุง content ใหม่”   นี่คือวิธีเช็คง่ายๆ ว่า content ทำแล้วตรงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่

Hook หมัดเด็ด เพิ่มยอดขายจาก Destination Content

การสร้างเพจหรือเว็บไซต์โรงแรมนอกจากจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานของโรงแรมแล้ว  การสร้าง  destination content  จะช่วย  tie-in  เพิ่มยอดขายให้โรงแรมได้   โดยต้องหา journey การมาของลูกค้าว่ามาอย่างไร  ลูกค้าตัดสินใจเลือกโรงแรมเพราะอะไร  สถานที่ใกล้โรงแรมมีอะไรบ้าง   แล้วจึงวาง content เพื่อหาว่า content อะไรที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจมาพักที่โรงแรม จากนั้นก็ทำ content  ประเภทนั้นมาเสริม  เช่น  จุดเด่นของโรงแรมที่คนมาพัก ,  สถานที่ท่องเที่ยวรอบโรงแรม  เป็นต้น

เลือก content อย่างไรให้ฟิตกับ  Platform

โซเซียลมีเดียมีหลากหลาย platform  ควรเลือกทำ content ให้เหมาะสมอย่างไร คุณเกษมศักดิ์ เพจ Sneak Out แชร์ว่า  “ต้องเรียนรู้พฤติกรรมของคนในแต่ละ platform  แล้วทำให้เหมาะสม เช่น  ยูทูบนำเสนอวิดีโอ   facebook เน้นให้ข้อมูลนำเสนอได้หลาย format  ขณะที่  Instagram เน้นรูปสวยช่วยสร้างแรงบันดาลใจ นอกจากนี้เนื้อหาที่สร้างขึ้นมาให้คุณค่ากับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่   ดังนั้นการเลือก content  ต้องคิดเป็นกระบวนการจึงจะทำให้ content  สร้างสรรค์เหมาะสมและตอบเป้าหมายของการสื่อสารได้”

สร้าง Content อย่างไรให้ Continue

เมื่อมีการสร้างเพจหรือเว็บไซต์ของโรงแรมแล้วอยากให้มียอดผู้ติดตามและมี engagement โรงแรมควรจะทำอย่างไร?  อย่างแรกต้องมีการวางแผนครีเอท content อย่างต่อเนื่อง ต้องวางผังตลอดทั้งปีเพื่อให้เห็นภาพรวมว่ามี content  อะไรได้บ้าง   ถ้าไม่มีการทำ calendar ทั้งปี  ทำให้ไม่รู้ว่าจะโพสต์อะไรในแต่ละวัน  กลายเป็น content แบบมวยวัด   ซึ่งเป็นการสูญเปล่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับโรงแรม

นอกจากนี้สามารถเลือกวางแผนทำ content  ในรูปแบบคอลัมน์ประจำซึ่งจะทำให้ง่ายขึ้นเพราะแต่ละคอลัมน์จะมีลักษณะเนื้อหาเฉพาะ  ทำให้คนทำ content ไม่หลงทาง  อีกสิ่งที่สร้าง engagement ได้ดีคือ  การทำ content ตามกระแส (real-time content) เชื่อมโยงเข้าธุรกิจโรงแรมได้   แต่ไม่ใช่ทำทุกเรื่อง  ต้องดูเสมอว่าตอบโจทย์กับ  core value หรือไม่

สุดท้ายเมื่อสร้าง content  วางทุกอย่างออกมาดีทั้งหมด   ต้องไม่ลืมเรื่องปิดการขาย  ถ้าไม่สามารถปิดการขายก็เสียเงินเสียเวลาเปล่า   รวมถึงต้องสื่อสารกับพนักงานฝั่งออฟไลน์ให้รู้เท่าออนไลน์  เพราะถ้าลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาพนักงานไม่รู้เรื่อง  ก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นเดียวกัน   ดังนั้นทุกฝั่งต้องรู้เท่ากัน   ปิดการขายได้เหมือนกัน  จึงจะถือว่าการทำ online marketing นั้นประสบความสำเร็จ

นอกจากทฤษฎีที่อัดแน่นให้กับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมแล้ว  หลักสูตร The DOTS: Hotel Game Changer ได้นำ  case study  ที่เกิดขึ้นจริงกับธุรกิจโรงแรมมาให้ผู้เข้าอบรมได้นำทฤษฎีมาเชื่อมโยงกับภาคปฏิบัติ  โดยในครั้งนี้ได้นำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของ บ้านหลวงราชไมตรี (heritage boutique hotel) มาให้เรียนรู้   โดยมีคุณประภาพร บำรุงไทย, Architectural Conservation Studio Director และคุณ ภานุมาศ ชเยนทร์, Managing Director จากสถาบันอาศรมศิลป์  มาเล่าถึงที่มาและแนวทางสร้างธุรกิจโรงแรมแบบ  social  enterprise  พร้อมความร่วมมืออันเข้มแข็งของชาวชุมชนจนเป็นที่ยอมรับทั้งประเทศและต่างประเทศ

รักษาย่านเมืองเก่าอย่างยั่งยืน สู่ Boutique Hotel

คุณภานุมาศได้แชร์จุดเริ่มต้นของโครงการบ้านหลวงราชไมตรีไว้ว่า  “เกิดจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน   ที่มองเห็นความมีคุณค่าของตัวเอง  ต้องการขายความเป็นตัวตนของตัวเอง  จนเกิดความคิดว่าจะสร้างที่พัก โดยนำบ้านเก่าอายุ 150  ปี ของหลวงราชไมตรี ปรับปรุงใหม่ให้เป็นบ้านพักเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากการเข้าพักที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร   ภายในบ้านมีการรวบรวมประวัติของหลวงราชไมตรี ผู้สร้างคุณูปการให้กับชาวจันทบุรี  และยังคงรักษาสถาปัตยกรรมโบราณกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านไว้ด้วย”

สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน

การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนว่าถือว่าเป็น key success ของบ้านหลวงราชไมตรี  คุณภานุมาศกล่าวว่า  “สถาบันอาศรมศิลป์   สถาปนิกเพื่อชุมชุมชนและสิ่งแวดล้อม  ได้สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน  โดยตั้งบริษัท จันทบูรรักษ์ดี จำกัด  เพื่อทำให้เป็น “จันทบูรโมเดล” โครงการตัวอย่างการอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วมด้วยแนวคิดกิจการเพื่อสังคม (social enterprise) โดยร่วมมือกับชาวชุมชนสร้างบ้านพักแล้วระดมทุนจากชาวชุมชนร่วมกันถือหุ้นเป็นเจ้าของ และให้ช่วยกันดูแล  ด้วยการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่พอเหมาะกับชุมชน  และยังรักษาวิถีชีวิตชุมชนไว้ให้มากที่สุด”

ชูโมเดลวัฒนธรรมนำการค้า

การทำการค้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้บ้านหลวงราชไมตรีประสบความสำเร็จได้   คุณภานุมาศเล่าว่า  “เป็นระยะเวลา  4 ปี ที่ชาวชุมชน  ส่วนราชการ  สถาบันอาศรมศิลป์ และหน่วยงานอื่นๆ  ได้อนุรักษ์และฟื้นฟูย่านริมน้ำจันทบูร  จนเกิดวิสัยทัศน์วัฒนธรรมนำการค้า  ที่เน้นการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและฟื้นฟูชุมชนอย่างยั่งยืน  โดยรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชุมชน  ตั้งแต่สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจให้ดำเนินไปได้   โดยไม่ทำในเชิงการค้าเพียงอย่างเดียว  ซึ่งโมเดลนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าบ้านหลังเดียวไปไม่รอด  แต่ต้องทำให้ย่านริมแม่น้ำจันทบูรและชุมชนไปรอดด้วยธุรกิจจึงสามารถอยู่ได้”

พลิกฟื้นอาคารให้มีชีวิต  เล่าความคิดประวัติศาสตร์ผ่านห้องพัก

คุณประภาพร บำรุงไทย, Architectural Conservation Studio Director จากสถาบันอาศรมศิลป์  พูดเรื่องแรงบันดาลใจในการออกแบบว่า  “เริ่มจากการอยากอนุรักษ์ด้วยการใส่ครีเอทีฟ  โดยคิดว่าทำอย่างไรให้โรงแรมมีชีวิตจิตใจ   สามารถพูดคุยกับคนได้   ทำให้อาคารสร้างแรงบันดาลใจ  คนเห็นแล้วอยากกลับไปอนุรักษ์ชุมชนหรือกลับไปดูแลบ้านเกิด   รวมถึงทำให้สถานที่แห่งนี้ถ่ายทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นและประวัติศาสตร์ของเมืองจันทบุรีได้เหมือนอย่างพิพิธภัณฑ์ที่คนสามารถเข้ามาหาความรู้โดยไม่ต้องเสียเงิน   ที่นี่จะมีการสร้าง  story  telling  ด้วยการดีไซน์ห้องพัก  ใส่ประวัติท่านเจ้าของบ้านผ่านห้องต่างๆ ทำให้ประวัติศาสตร์กลับมามีชีวิต  คนที่มาพักเข้าใจถึงชีวิตของท่าน  รวมถึงมีการขุดค้นทางโบราณคดี  สร้างแรงบันดาลใจจากบันทึกประวัติศาสตร์ของหลวงราชไมตรี”

จากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (feasibility study) พบว่า โครงการนี้สามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 10  ปี ผลกำไรที่เกิดขึ้นนอกจากจะปันผลคืนผู้ถือหุ้นแล้ว กำไรส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูร    และสิ่งหนึ่งที่บ้านหลวงราชไมตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างมากก็คือเรื่อง   service mind  เพราะเป็นสิ่งที่เลียนแบบไม่ได้  จึงทำให้บ้านหลวงราชไมตรีได้รับคะแนน  9.1 จากการจัดอันดับของ  booking.com และจากโมเดลธุรกิจโรงแรมแบบ  social  enterprise  ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจไม่จำเป็นต้องมุ่งแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว  การคืนกลับสู่สังคมชูวัฒนธรรมนำการค้า สามารถสร้างรายได้ควบคู่กับการรักษาวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมให้สามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน

ข้อมูลและภาพประกอบจาก http://www.baanluangrajamaitri.com/th/