ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เคล็ด (ไม่) ลับ ทำยังไงให้ Startup ประสบความสำเร็จ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Startup เป็นการทำธุรกิจที่มาแรง และเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีไอที การพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันต่างๆ โดยที่ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่น่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพสูงแต่ใช้งบประมาณลงทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงมาก แม้ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวสูง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการค้าออนไลน์หรือการสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ง่ายขึ้น ทำให้คนสนใจใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างรายได้ สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งจากปี 2012 ที่เคยมีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวราว 100 ล้านบาท (3 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา) แต่ในปี 2016 กลับมีมูลค่าลงทุนในหลักหลายพันล้านบาท (86 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา) ซึ่งประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเป็น Startup แม้จะดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่เริ่มต้นได้ง่ายและเร็ว แต่ความง่ายและเร็วนั้น ย่อมแลกด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่ Startup ต้องประสบเป็นอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่จะเป็น Startup เราจึงควรมาเรียนรู้ว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ Startup ประสบความสำเร็จ ซึ่ง พอล เกรแฮม (Paul Graham) จาก Y Combinator ศูนย์บ่มเพาะชื่อดัง Top 5 ของโลกในสหรัฐอเมริกา ได้เขียนไว้ในบทความว่า “Startup = Growth” หรือ “การเติบโต” นั่นเอง ดังนั้น Startup ที่ดี จะต้อง “โตเร็ว”
พอล เกรแฮม ได้อธิบายไว้เพิ่มเติมว่า ธุรกิจที่จะสามารถเป็น Startup ที่ประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างคือ
ในขณะที่ บิล กรอส (Bill Gross) นักลงทุนและผู้ก่อตั้งบริษัท Idealab ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการวิจัยและศึกษาจนพบว่าการที่บริษัทเกิดใหม่จะประสบความสำเร็จนั้นต้องมีปัจจัย 5 อย่างซึ่งประกอบไปด้วย แนวคิด ทีมงาน แผนธุรกิจ เงินทุน และจังหวะเวลา
ซึ่งสิ่งที่บิล กรอสค้นพบจากการศึกษาและวิจัย Startup ที่ประสบความสำเร็จ คือ กระบวนการทำงานกับไอเดียนั้นสำคัญมาก แต่จังหวะเวลากลับสำคัญกว่าทุกอย่าง และวิธีที่ดีที่สุดที่จะประเมินจังหวะเวลาคือ ดูว่าเวลานั้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราพร้อมหรือยังกับสิ่งที่เราจะเสนอให้ ซึ่งต้องประเมินอย่างตรงไปตรงมา อย่าหลอกตัวเองกับผลลัพธ์ที่เห็น เพราะถ้าคุณมีสิ่งที่คุณรักจะทำและต้องการส่งมอบมัน คุณต้องประเมินผลลัพธ์อย่างซื่อสัตย์กับตัวเอง
ที่มา: www.ted.com
บทความโดย นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® ที่ปรึกษาการเงิน