ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
รู้จัก “Bleisure” เทรนด์มาแรงในธุรกิจท่องเที่ยว
คำว่า Bleisure ที่หมายรวมถึงการผนวกรวมทริปเดินทางเชิงธุรกิจ (Business) และการพักผ่อน (Leisure) เป็นนิยามที่โลดแล่นในโลกท่องเที่ยวมานับตั้งแต่ปี 2009 โดยมี Future Laboratory บริษัทที่ปรึกษาจากยุโรปด้านเทรนด์, แบรนด์ และอนาคต เผยแพร่คำเรียกขานนี้ออกมาครั้งแรก เพื่ออธิบายพฤติกรรมการท่องเที่ยวและทำงานไปด้วย ที่นับวันจะมีเส้นแบ่งที่พร่าเลือนมากขึ้น
หลังจากโลกได้รู้จักกับไวรัสโควิด-19 เส้นแบ่งระหว่างการท่องเที่ยวและทำงานนั้น ยิ่งพร่าเลือนขึ้นไปอีก เมื่อคนเริ่มลุกจากเก้าอี้ออฟฟิศมานั่งเก้าอี้ผ้าใบชายหาด จ้องคอมพิวเตอร์พร้อมกับมองทะเลมากขึ้น หลังจากหน่วยงานหรือองค์กรนายจ้าง เริ่มเล็งเห็นว่าการทำงานทางไกล อาจเป็นตัวเลือกที่ดีในยุคที่ต้องประหยัดต้นทุนจากการเช่าพื้นที่สำนักงาน และยังต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคในระดับที่ไม่น้อยในแต่ละเดือน
เทรนด์ของ
Bleisure
เติบโตเคียงบ่ามากับคำว่า
Staycation
หรือการเที่ยวไปในละแวกบ้าน ในภาวะที่คนเกือบทั้งโลกยังเดินทางผ่านข้ามพรมแดนไม่ได้เหมือนในภาวะปกติ สิ่งที่น่าสนใจคือ หากนับย้อนไปในอดีต คำนี้มักจะเป็นน้องๆ ที่คลานตามวิกฤตการณ์ระดับโลกมาอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจซมพิษไข้ คำว่า Stay บวกกับ Vacation เริ่มแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาในยุควิกฤตการเงินปี 2007-2010 แต่เจาะจงลงไปคือในช่วงฤดูร้อนของปี 2008 ที่ผู้คนเริ่มได้รับผลกระทบในวงกว้างจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ฤดูกาลที่ปกติต้องอัดแน่นด้วยกิจกรรมเดินทางต่างประเทศ ต้องถึงคราวเซื่องซึมตามไปด้วย ชาวอเมริกันต้องหันมาท่องเที่ยวระยะใกล้แบบไม่ห่างจากบ้านพักหรือแหล่งงานมากขึ้น เพื่อไม่ให้เจ็บปวดกับค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว ในฝั่งอังกฤษก็ไม่น้อยหน้า ในปี 2009 ที่มีภาวะค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง ทำให้เหล่านักท่องเที่ยวอังกฤษ ที่ชื่นชอบการเดินทางไม่แพ้ชาติใดในโลก ต้องหันมาโหนกระแส Staycation เที่ยวอยู่บ้านไปด้วย
สังเกตได้ว่าในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ โรงแแรมแบรนด์หรูระดับชั้นนำ กลายเป็นผู้เล่นรายแรกๆ ที่นำแนวคิดปรุงรสการท่องเที่ยวกับการทำงานมาเคล้ากันให้ออกมาลิ้มลอง ขณะที่โรงแรมที่สามารถทำตลาดจับกลุ่ม Bleisure หรือ Staycation นี้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวอีกต่อไป เพราะโรงแรมในเมืองก็สามารถสร้างแพ็คเกจ นำเสนอบรรยากาศแปลกใหม่ในการทำงานเสมือนมาเที่ยวพักผ่อนได้เช่นกัน
ในงานวิจัยการเดินทางเชิงธุรกิจจาก Expedia พบว่า หากการเดินทางทริปไหนที่มีระยะพำนักเฉลี่ย 2-3 คืนขึ้นไป มักจะเข้านิยมกลุ่ม Bleisure คือมีกิจกรรมท่องเที่ยวผนวกรวมไปด้วยโดยปริยาย ดังนั้น หากคุณประกอบกิจการที่พัก ลองนำเสนอแพ็คเกจพิเศษสำหรับการพักค้างคืนเพิ่มเติม เช่น พักคืนที่ 3 หรือคืนที่ 4 ในราคาพิเศษ จะทำให้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ได้เพิ่มไปอีก
อันดับต่อไปในการสร้างแรงดึงดูดคนกลุ่มนี้ คือการนำเสนอบริการเสริมพิเศษที่ลูกค้าเชิงธุรกิจต้องการ เช่น ให้บริการเช็คอิน เช็คเอาท์ รวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน หรือมีช่องทางพิเศษเพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องเสียเวลารอคิวจนพลาดนัดหมายสำคัญ หรือเพิ่มบริการซักรีดเป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกค้านักธุรกิจอยู่ในสภาพที่พร้อมไปพบปะคู่ค้าเสมอ และแน่นอนว่าเมื่อผ่านการทำงานอันเคร่งเครียด นักเดินทางเชิงธุรกิจย่อมแสวงหากิจกรรมบันเทิงหรือสันทนาการเพื่อผ่อนคลาย หากต้องการจับกลุ่มนี้ให้อยู่มือ อย่ามองข้ามบริการเสริมที่เอาใจคนที่งานยุ่งจนรัดตัว เช่น อาจจะยืดเวลาการเปิดฟิตเนสและสปาช่วงกลางคืนหรือเช้าตรู่เป็นพิเศษ เตรียมกิจกรรมดนตรีสด คลาสโยคะในเวลาที่เอื้อให้คนทำงานมาเข้าร่วมมากขึ้น
หากต้องการสร้างความประทับใจเหนือชั้นไปอีกขั้น อย่าลืมว่าเมื่อส่องสถิติของนักท่องเที่ยวแบบ Bleisure นั้น มีกลุ่มผู้บริหารครองส่วนแบ่งจำนวนไม่น้อย ดังนั้นทำความรู้จักลูกค้าไว้ล่วงหน้า และให้บริการแบบตรงความต้องการส่วนบุคคล หรือ Personalization จะช่วยทำให้กลุ่มนักธุรกิจเดินทางกลับมาใช้บริการซ้ำ เมื่อต้องเดินทางมาในพื้นที่ของคุณ
สุดท้ายคือ การสร้างบรรยากาศให้มีความพิเศษ และนำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ที่ชวนให้ลูกค้าร้องเพลง “อยู่ต่อเลยได้ไหม” พยายามขจัดอารมณ์เคร่งครึมของโรงแรมแบบเดิมๆ ทิ้งไปก่อน หากคุณต้องการเข้าถึงใจของลูกค้า Bleisure กลุ่มใหญ่ที่เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ อ้างอิงจากผลการวิจัยของ SAP Concur เคยระบุไว้ว่า 44% ของคนอายุไม่เกิน 29 ปีในเยอรมนีสนใจการเดินทางแบบ Bleisure มากที่สุด ต่างจากคนอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีสัดส่วนความสนใจราว 25%
ไม่ว่าสถานที่ทำงานจะมีสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างไร แต่อย่าลืมว่า การเตรียมธุรกิจที่พักของคุณให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายในการทำงาน ธุรกิจสำเร็จลุล่วง และมีความสุขในการพักผ่อนไปด้วย ย่อมสำคัญที่สุดในการมัดใจคนกลุ่มนี้ให้เดินทางมาซ้ำแบบสม่ำเสมอ
ที่มา
https://www.researchgate.net/publication/232747813_Bleisure_-_a_new_trend_in_tourism_industry
https://insights.ehotelier.com/insights/2020/03/06/a-5-step-plan-to-successfully-target-the-bleisure-market/
https://bleisuretraveller.com/en/bleisure-is-booming-and-will-stay/
https://www.hotelnewsresource.com/article109185.html