7 วิธีปกป้องมือถือ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือมิจฉาชีพ

เรามาถึงยุคที่แทบทุกครัวเรือนมีสมาร์ตโฟนใช้กันแล้ว และสิ่งนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ให้ทั้งประโยชน์ หรือให้โทษกับผู้ใช้งานก็ได้ โดยเฉพาะภัยจากมิจฉาชีพที่ไม่จำเป็นต้องเผยตัวให้ใครเห็น แค่มาผ่านเสียง หรือข้อความทางโทรศัพท์ ก็สามารถหลอกดึงเงินจากบัญชีเราไปได้แล้ว แต่หากเรารู้จักเสริมเกราะป้องกันตนเอง และปรับพฤติกรรมการใช้งานมือถือควบคู่กันไป ตาม 7 ข้อนี้ ก็จะช่วยลดความสูญเสียจากภัยออนไลน์ต่าง ๆ ได้มากทีเดียว

2249894953

1.  ไม่ดัดแปลงระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟน หรือที่เรียกกันว่า เจลเบรค (Jailbreak) เพราะจะเป็นการเปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบต่าง ๆ บนเครื่องของเราได้ง่ายขึ้น แม้การดัดแปลงอุปกรณ์อาจจะทำให้สามารถใช้ลูกเล่น หรือทำอะไรกับระบบของตัวเครื่องได้มากขึ้น แต่ผลที่ตามมาอาจได้ไม่คุ้มเสีย ที่สำคัญการเจลเบรกยังทำให้การรับประกันสิ้นสุดลงด้วย หากมีปัญหาเกิดขึ้น ก็จะไม่สามารถเคลมหรือเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ ตามเงื่อนไขของผู้ผลิตสินค้าได้


2.   ตั้งรหัสเข้าเครื่องให้คาดเดายาก ไม่ตั้งรหัสเดียวเข้าได้ทุกแอป ไม่อิงกับวัน เดือน ปี เกิด หรือตัวเลขที่เชื่อมโยงกับตัวเรา เช่น บ้านเลขที่ เบอร์โทร เป็นต้น และอย่าให้ใครรู้รหัสเข้าเครื่องโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในขณะใช้งาน การกดรหัสต้องระวังคนหรือกล้องวงจรปิดในบริเวณที่กำลังใช้งานด้วย ซึ่งการเข้ารหัสผ่านทาง Face ID หรือลายนิ้วมือ ก็ช่วยป้องกันการแอบดูได้เช่นกัน


3.  ไม่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ เพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ เพราะสัญญาณนั้น อาจเป็นกับดักที่มิจฉาชีพสร้างไว้เพื่อดักฟัง หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว และรหัสผ่านต่าง ๆ บนอุปกรณ์สื่อสารของเราก็เป็นได้


4. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน จาก Official Store เท่านั้น เช่น  iPhone, iPad เป็นระบบปฏิบัติการ iOS ก็ควรดาวน์โหลดแอปจาก App Store ส่วนใครที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ก็ควรจะดาวน์โหลดจาก Google Play Store เป็นต้น ที่สำคัญ แม้จะเป็นแอปที่อยู่ใน Official Store หากไม่รู้ว่ามีไว้ใช้งานอะไร ก็อาจถูกมิจฉาชีพหลอกให้ดาวน์โหลด เพื่อใช้ประโยชน์จากแอปจริงมาทำเรื่องไม่ดี เช่น ใช้ประโยชน์จากแอปที่สามารถขอสิทธิ์เข้าไปแก้ไขอุปกรณ์ใช้งานต่าง ๆ ได้จากระยะไกล มาหลอกให้เรากดให้สิทธิ์ เพื่อเข้าไปควบคุมมือถือแล้วโอนเงินออกไปจากบัญชี เป็นต้น

5. หาแอปพลิเคชันมาช่วยกรองเบอร์สุ่มเสี่ยง เช่น แอปพลิเคชัน Whoscall โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก App Store หรือ Play Store  และสังเกตชื่อบริษัทผู้พัฒนา ซึ่งจะต้องเป็น Gogolook เท่านั้น แอปนี้จะมีฐานเบอร์โทรจากผู้ใช้งานทั่วโลกรวบรวมไว้ และมียอดใช้งานเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาแอปประเภทเดียวกัน เวลามีเบอร์ที่เราไม่รู้จักโทรเข้ามา แอปจะบอกเบื้องต้นว่าเบอร์ที่ติดต่อมาเป็นใคร และถ้าเบอร์นั้นขึ้นว่าเป็นมิจฉาชีพ แสดงว่ามีผู้ใช้รายงานมาเป็นจำนวนมากแล้วว่าเป็นเบอร์หลอกลวง เราก็จะได้ระวังตัวไว้ก่อน เลือกที่จะตัดสายทิ้ง หรือไม่รับสายก็ได้


6. ใช้มือถืออย่างมีสติรู้เท่าทัน ในยุคดิจิทัลอะไรก็เกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน อาจเป็นการปลอมแปลงเพื่อหวังเงินในบัญชีของเรา เช่น หลอกให้กดลิงก์ ลวงให้โอนเงิน หรือดาวน์โหลดแอปอันตราย ซึ่งอาจมาในรูปแบบของข้อความแนบลิงก์ หรือปุ่มให้กด รวมถึงอาจมาในรูปแบบของ QR Code ให้สแกน หรือไฟล์ให้ดาวน์โหลด หากเจอแบบนี้ ให้คิดถึงหลักความเป็นจริง และความสมเหตุสมผลเข้าช่วย บวกกับการมีสติ ก็จะช่วยลดการสูญเสียทรัพย์สินได้


7. หมั่นอัปเดตระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟน รวมถึงแอปพลิเคชันที่เราใช้งาน ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อให้ระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ได้รับการอัปเดตตามไปด้วย


หลักง่าย ๆ ไม่กี่ข้อนี้ เป็นพื้นฐานที่คนยุคดิจิทัลอย่างเราต้องยึดไว้ปฏิบัติ และบอกต่อไปยังคนใกล้ชิด เพื่อเสริมเกราะป้องกันภัยออนไลน์ อย่าปล่อยให้สมาร์ทโฟนที่ทุกคนพกติดตัวไปได้ทุกที่ ทุกเวลา ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองหมดตัวเด็ดขาด