การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
8 สัญญาณเตือนภัย! มือถือของคุณกำลังถูก “แฮก”
"ระหว่าง กระเป๋าสตางค์ กับ โทรศัพท์มือถือ คุณคิดว่าลืมสิ่งไหนไว้ที่บ้านแล้วชีวิตจะปั่นป่วนกว่ากัน?”
แน่นอนคนส่วนใหญ่เลือก ‘ลืมกระเป๋าสตางค์
’
เพราะปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นทุกอย่างให้แล้วจริงๆ ตั้งแต่เครื่องมือสื่อสาร แหล่งความบันเทิง จนถึงช่องทางทำธุรกรรมการเงินแต่เหรียญมีสองด้านเสมอ เพราะโทรศัพท์มือถือยุคนี้ได้ตกเป็นเป้าหมายโจมตีของแฮกเกอร์ เป็นภัยร้ายที่มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว แม้จะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่เชื่อหรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่กลับมองข้ามจนตกเป็นเหยื่อไปอย่างน่าเจ็บใจ
ท่ามกลางการพัฒนาของมัลแวร์จำนวนมาก และแนวโน้มความเสียหายจากการโจมตีที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเฝ้าระวังและสังเกตความผิดปกติบนโทรศัพท์มือถือจะช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาความเสียหายจากการจู่โจม วันนี้เราจึงรวบรวม 8 สัญญาณเตือนที่แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของคุณกำลังถูกแฮก
1. พฤติกรรมโทรศัพท์มือถือแปลกไป
หากคุณพบเห็นเนื้อหาหรือโฆษณาที่ไม่เหมาะสม ติดเรท X หรือ R ปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์มือถือของคุณ แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของคุณอาจถูกมัลแวร์จู่โจมแล้ว
2. พบข้อความหรือรายการโทรออกที่คุณไม่ได้ทำ
หากคุณพบรายการโทรออกหรือข้อความใด ๆ ที่ส่งออกไปจากเครื่องโดยไม่ได้มาจากตัวคุณ นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนภัยว่าโทรศัพท์มือถือถูกจู่โจม
3. อยู่ ๆ ก็มีแอปพลิเคชันหรือ folder ที่ไม่รู้จักบนมือถือ
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มักมาพร้อมกับแอปพลิเคชันยอดนิยมที่ถูกดาวน์โหลดไว้ล่วงหน้า แต่หากคุณพบ folder หรือ แอปพลิเคชันแปลกปลอมที่คุณไม่รู้จัก หรือไม่ได้ดาวน์โหลดหลังจากซื้อโทรศัพท์มาใช้ ให้อนุมานเลยว่าสิ่งแปลกปลอมนั้นเกี่ยวข้องกับการเจาะระบบ หรือมัลแวร์อย่างแน่นอน
4. แบตเตอรีหมดเร็วผิดปกติ
หากอยู่ๆ แบตเตอรีโทรศัพท์มือถือหมดเร็วกว่าปกติ แสดงว่ามือถืออาจกำลังถูกจู่โจมโดยมัลแวร์ตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัว แต่ถ้าหากพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับการแฮกนั่นหมายความว่าคุณต้องมีโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่แล้วล่ะ
5. โทรศัพท์มือถือร้อน
หากรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือร้อนในขณะใช้งาน มีความเป็นไปได้ว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และข้อมูลของคุณกำลังถูกใช้งานมากกว่าปกติ โดยมีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญกำลังล้วงลับหรือโอนถ่ายข้อมูลผ่านเครื่องคุณอยู่
6. พบกิจกรรมผิดปกติบนบัญชีโซเชียลมีเดีย
หากคุณพบกิจกรรมผิดปกติในอีเมลหรือบัญชีโซเชียลมีเดียที่เชื่อมกับโทรศัพท์มือถือ แสดงว่าแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าถึงบัญชีของคุณแล้ว และอาจกำลังขโมยข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญออกไป
7. อยู่ ๆ ก็ไม่มีใครติดต่อเข้ามาทั้งข้อความและโทรเข้า
หากคุณพบว่าไม่มีสายเรียกเข้าหรือข้อความส่งถึงโทรศัพท์มือถือคุณเลยให้แน่ใจได้ว่าแฮกเกอร์ได้ทำการโคลนนิ่ง SIM card ของคุณแล้ว
8. ประสิทธิภาพการทำงานของโทรศัพท์มือถือลดลง
โหลดหน้าเว็บไซต์ได้ช้าหรือพบปัญหาขัดข้องในการเข้าถึงบางเว็บไซต์ งานวิจัยพบว่าโทรศัพท์มือถือที่ถูกแฮกจะพบปัญหาการปิดเครื่องและการรับส่งข้อมูลล่าช้ากว่าปกติ
เปิด 6 แนวทางรับมือเมื่อรู้ว่าโทรศัพท์มือถือ “ถูกแฮก”
1. แจ้งเพื่อนหรือคนรู้จักที่อยู่ใน Contact
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อว่ารู้ว่าโทรศัพท์มือถือถูกแฮกคือ แจ้งบุคคลที่มีรายชื่อใน Contact ให้ทราบและเตือนว่าไม่ควรคลิกลิงค์หรือโต้ตอบข้อความจากบัญชีของคุณทุกกรณี
2. เปลี่ยนรหัสการเข้าถึง
รีบเปลี่ยนรหัสการเข้าถึงบัญชีหรือแอปพลิเคชันที่สำคัญ เพื่อป้องกันการเจาะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญอื่น ๆ ทันที
3. ลบแอปพลิเคชันต้องสงสัยทันที
แอปพลิเคชันน่าสงสัยหรือมีเนื้อหาไม่เหมาะสม มักเป็นช่องทางที่ไวรัสนิยมใช้เดินทางเข้าสู่สมาร์ทโฟน ดังนั้นหากคุณพบว่าโทรศัพท์มือถือถูกแฮกให้รีบลบแอปพลิเคชันเหล่านี้ รวมถึง source links ของบุคคลที่สามบนโทรศัพท์มือถือออกให้หมด
4. ใช้โปรแกรม anti-malware กำจัด
โปรแกรม anti-malware ที่เชื่อถือได้ สามารถช่วยกำจัดมัลแวร์ที่แอบแฝงอยู่ในโทรศัพท์มือถือได้ และควรใช้ anti-malware อย่างสม่ำเสมอหากไม่อยากตกเป็นเหยื่อการจู่โจมในอนาคต
5. Reset โทรศัพท์
แน่นอนว่าวิธีการกำจัดมัลแวร์ที่ได้ผลเร็วที่สุดคือ reset เครื่อง แต่การ reset จะทำให้ข้อมูลหรือไฟล์ต่าง ๆ ของคุณถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น การสำรองข้อมูลบ่อย ๆ และการป้องกันคือหนทางที่ดีที่สุด
6. เปิดใช้งาน multi-factor authentication
multi-factor authentication เป็นการเพิ่มวิธีการยืนยันตัวตนที่นอกเหนือไปจากการใช้ password เช่น การสแกนใบหน้าหรือลายนิ้วมือ เป็นต้น การเปิดใช้ฟังก์ชันนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกจู่โจม และป้องกันการเจาะเข้าสู่บัญชีหรือข้อมูลที่สำคัญในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของคุณ เช่น Facebook, Google, และ Instragram เป็นต้น
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าโทรศัพท์มือถือถูกแฮก คือ การที่คุณรู้แต่กลับเพิกเฉยหรือมองข้ามไป เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจไม่จำกัดอยู่ที่คุณคนเดียว แต่ภัยร้ายนี้อาจส่งผลกระทบต่อบุคคลที่คุณรู้จักใน Contact ด้วย ฉะนั้นเมื่อพบความผิดปกติบนโทรศัพท์มือถือควรรีบหาช่องโหว่และแก้ไขทันที
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
https://bit.ly/3yLWgJF
https://bit.ly/3CZgQbW