Hybrid Work มาแล้ว รับมืออย่างไรไม่ให้พลังในตัวหมด

เมื่อวิถีชีวิตปกติเริ่มกลับมา ที่ทำงานหลายแห่งดูคล้ายจะอดคิดถึงพนักงานไม่ไหว จึงทยอยเรียกให้มนุษย์เงินเดือนเริ่มสลับกันเข้าออฟฟิศ เพราะยังต้องจำกัดจำนวนคนเพื่อเว้นระยะห่างอย่างห่วงๆ ทำให้หลายคนที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวเข้ากับ Work from home ได้แล้ว ต้องมาปรับจูนควาเคยชินใหญ่อีกรอบ ว่าแล้วก็ลองมาหาวิธีการทำงานและตัวช่วยที่จะไม่ทำให้หมดไฟทำงานหรือ Burn Out จากการสับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปมาแบบนี้กันดีกว่า


1. คิดบวกเข้าไว้ ตั้ง Mindset ให้มั่น


ยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน ที่จะต้องมาเยือนเราบ่อยๆ ขึ้นแน่หลังจากนี้ ตราบใดที่การระบาดของไวรัสยังไม่โบกมือลาโลกอย่างเด็ดขาด ที่สำคัญควรเปิดรับทักษะด้านดิจิทัลใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น จากโปรแกรมหรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะมาช่วยทำงานระยะไกลได้สะดวกมากขึ้น เช่น เทคโนโลยีคลาวด์ ที่จะทำให้การเข้าถึงข้อมูลไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน ไม่สะดุด หมดปัญหาลืมเอกสารหรือเก็บข้อมูลไว้ที่บ้าน หากไม่รู้ก็ถามผู้รู้ อย่ากลัวที่จะใช้เทคโนโลยี ให้คิดเสียว่าเริ่มตอนนี้ยังดีกว่าไม่ยอมขยับไปไหนเลย


2. หาเพื่อนสนิทที่ชื่อ “สติ” ให้เจอและ “ไปต่อ” ให้เร็ว


แม้มีข้อกำหนดจำนวนวันเข้าออฟฟิศที่แน่นอนตามลักษณะงานแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าต้องมีเรื่องให้ชวนปวดหัวและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่เสมอ ตราบใดที่ทุกคนยังคาบเกี่ยวในโลกสองใบ “บ้าน” และ “ที่ทำงาน” เมื่ออุปสรรคเข้ามาไม่ทันตั้งตัว ที่อาจทำให้ต้องเปลี่ยนแผนทำงานแบบไม่ทันตั้งตัว จนคุณอาจเริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะสิ่งเหล่านี้เข้ามามีผลกระทบต่อการวางแผนในชีวิตประจำวัน สิ่งแรกคือต้อง “ตั้งสติ” ไว้ เมื่อสติมาปัญญาเกิดและปัญหาก็จะบรรเทาลง และถัดมาก็ควร “มูฟออน” หรือลุกจากการจมในปัญหาให้เร็ว ตั้งหลักรีสตาร์ทหาหนทางเดินใหม่อีกครั้ง


3. กำหนดเป้าหมายและความรับผิดชอบให้ชัด


เลี่ยงไม่ได้ที่วัฒนธรรมองค์กรจะเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน สิ่งสำคัญคือการสื่อสารและการทำข้อตกลงให้ชัดเจนว่า เป้าหมายของทีมหรือขอบเขตการทำงานแต่ละคนเป็นอย่างไร โดยต้องจูนให้ทุกคนเข้าใจและใช้ข้อมูล (Data) เดียวกันให้ได้ เพื่อเป็นกติกาส่วนกลางที่ป้องกันปัญหาจุกจิกที่อาจเกิดในอนาคต เพราะสาเหตุภาวะหมดไฟอย่างหนึ่งคือการแบ่งเวลางานกับเวลาส่วนตัวไม่ได้ และทักษะการบริหารจัดการเรื่องเวลาที่ต้องผสมผสานหรือใช้ความยืดหยุ่นแต่ละคนไม่เท่ากัน

hybrid-work-01

4. ภาษากายหายาก จงใช้ภาษาทีม


ภาษากาย (Body Language) ใครว่าไม่สำคัญ เพราะมันช่วยสื่อความหมายให้การทำงานนั้นมีรสชาติ แต่เมื่อต้องประชุมออนไลน์มากขึ้นระหว่างที่ต้องแบ่งทีมเข้าออฟฟิศ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานนั้นย่อมหายไป แต่อย่าได้มองเป็นอุปสรรค ควรหันมาใช้ภาษาทีมที่ทุกคนต้องรวมหนึ่งใจเดียวกัน โดยเลือกทิ้งรายละเอียดเรื่องจุกจิกกวนใจไปให้หมด เพื่อทุกคนในทีมจะได้โฟกัสเป้าหมายได้ชัดเจน


5. ขอโทษให้ได้ อภัยให้เป็น


Hybrid Work เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเริ่ม ต้องตระหนักเสมอว่าทุกคนทำผิดพลาดเรื่องน้อยใหญ่ได้ทั้งสิ้น แต่เมื่อรู้ว่าผิดก็ควรรู้จักขอโทษต่อผู้อื่น และพยายามแก้ปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานผิดพลาด ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากเรื่องใด ก็ต้องรู้จักให้อภัยให้ได้ เพราะสิ่งนี้จะทำให้ต่างคนไม่รู้สึกคาใจหรืออึดอัดใจกับไลฟ์สไตล์การทำงานในโลกแบบใหม่ที่ไม่มีใครสามารถหลีกหนีพ้น


6. หัวหน้าทีมต้องมีสองบุคลิก


ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและอ่อนโยนอยู่ในคนเดียวกัน รู้จักยืดหยุ่นในบางทีและเข้มงวดในบางครั้ง ยิ่งคนทำงานยุคใหม่ที่ไม่ชอบกฎระเบียบจัดหนักเคร่งครัด แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ลอยล่องไร้ระบบได้ การคอยสนับสนุนเป็นกระบอกเสียงช่วยเสริมโปรแกรมหรืออุปกรณ์เทคโนโลยีการทำงานที่เอื้อต่อการทำงานที่บ้าน  มองจังหวะการลงรายละเอียดของปัญหา ไม่ละเลยเรื่องเล็กน้อยที่อาจสะสมในใจทำให้ลูกทีมเบื่อ ส่วนพนักงานถ้ารู้สึกอึดอัดหรือมองว่าเริ่มเกิดข้อติดขัด ก็ควรสะกิดให้หัวหน้าทีมได้รับทราบทันที


เมื่อบริบทของสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง เหมือนแกมบังคับให้ทุกคนต้องปรับวิธีการทำงานไปจนถึงการใช้ชีวิตแบบใหม่ แต่ไม่มีอะไรยากเกินวิสัยมนุษย์จะรับมือ หากขยับตั้งรับและปรับหัวใจตอนนี้ ภาวะหมดไฟในการทำงานจะไม่มาเยือนง่ายๆ แน่นอน


ที่มา
https://thematter.co/social/be-prepared-to-hybrid-work/151019
https://www.marketingoops.com/digital-life/hybrid-work-models/
https://www.brandbuffet.in.th/2021/06/hybrid-working/
https://www.humanica.com/post/hybrid-workplace-ข-อด-และความท-าทาย-หากปร-บใช-ก-บองค-กร?lang=th
https://missiontothemoon.co/business-hybrid-work/?fbclid=IwAR0b2yiglBXLN9Dy4ykxqK03eA0IUgSiIWI0VS_VWWGhPsqnDGAe8kQxBeo