จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เชื่อว่าหลายๆ คนเริ่มคุ้นชินกับการทำงานที่บ้านมากขึ้น ถึงแม้จะปรับตัวเข้ากับรูปแบบนี้ได้แล้ว แต่หลายคนก็พบว่า ตนยังไม่สามารถทำงานได้ราบรื่นอย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าเราต้องเผชิญกับข้อจำกัดของสถานที่ซึ่งไม่ได้ถูกจัดมาเพื่อการทำงานตั้งแต่แรก แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อเรียกพลังการทำงานของเราให้เกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดนี้

จัดพื้นที่ จัดระบบความคิด เพื่อการนั่งทำงานจริงๆ

เราอาจจะเคยใช้มุมว่างๆ เป็นมุมที่ไม่รบกวนใคร มาเป็นจุดนั่งทำงาน แต่มุมสะดวกที่ว่านั้นเหมาะกับการทำงานจริงหรือไม่ เราอาจจะเคยนำคอมพิวเตอร์ไปวางที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่น เพียงเพราะตรงนั้นนั่งได้และวางอุปกรณ์ได้ เช่นเดียวกับการวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คตั้งบนตัก แล้วพิงหัวเตียงแทนพนักเก้าอี้ สภาพเหล่านี้ไม่เหมาะกับการจัดวางร่างกายที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน และไม่ช่วยให้สามารถจดจ่อกับงานตรงหน้าได้นานเช่นกัน

ก่อนอื่น เราควรพิจารณาเลือกพื้นที่สำหรับทำงาน บอกตัวเองว่า “เมื่อฉันนั่งตรงนี้ฉันจะทำงาน” ถ้าคุณมีบ้าน ลองหาห้องที่มีความเป็นส่วนตัว แต่หากจำเป็นต้องใช้ห้องร่วมกับสมาชิกคนอื่น บอกพวกเขาให้ทราบว่าเมื่อคุณมานั่งตรงนี้ ในช่วงเวลานี้ของวัน นั่นคือช่วงเวลาทำงานของคุณ เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจว่าคุณกำลังโฟกัสกับงานอยู่ และพวกเขาจะได้ทำกิจกรรมที่รบกวนคุณให้น้อยที่สุด ถ้าคุณอยู่คอนโดหรือห้องขนาดเล็ก ลองหามุมที่คุณจะไม่เผลอเอนกายลงบนเตียงแล้วหลับไปอย่างง่ายๆ ได้


หาโต๊ะเก้าอี้ที่เหมาะกับการนั่งทำงาน ถ้าจำเป็นต้องใช้โต๊ะเก้าอี้ที่มีอยู่แล้ว เลือกตัวที่มีความสูงพอเหมาะ หาเบาะรองนั่งและหมอนรองหลังมาเสริมให้นั่งนานๆ ได้สบาย

ผู้ใหญ่ ลองหากล่องหรือม้านั่งเล็กๆ มาใช้เป็นที่วางเท้าให้เด็กด้วย เพราะถ้าต้องนั่งห้อยขาเป็นเวลานาน ก็คงไม่ดีสำหรับเด็กๆ เช่นกัน

การจัดพื้นที่ มีผลต่อการรับรู้ทางจิตใจ เพราะเมื่อนั่งตรงนั้น หน้าที่ของเราคือทำงานหรือเรียนหนังสือ ลองใช้พื้นที่นั้นให้สัมพันธ์กับเวลา เช่น เวลาทำงานของบริษัทคือเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ในช่วงเวลานั้น “เราจะอยู่ตรงนั้นและทำงาน” แน่นอนว่าคุณสามารถลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ หาขนมรองท้อง แวะกอดคนรัก หรือพักทานอาหารกลางวันได้ตามปกติ แต่ถ้าคุณไปอยู่ในพื้นที่อื่นของบ้านนานเกินไป คุณจะรู้ทันทีว่าที่ที่ต้องรีบกลับไปคือโต๊ะทำงานของคุณ

สว่าง สะอาด สะดวก พื้นฐานเรียกพลังการทำงาน

สว่าง: แสงสว่างมีผลต่อสุขภาพจิตและประสิทธิภาพการทำงาน มีงานวิจัยพบว่าแสงสว่างที่เพียงพอ ช่วยลดการทำงานผิดพลาดได้ถึง 60% ในความเป็นจริง แสงธรรมชาติเป็นแสงที่สบายตาที่สุดสำหรับมนุษย์และเหมาะกับการทำงานมากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ควรจัดวางให้แสงเข้าสู่ด้านหน้าของโต๊ะ โดยอยู่เหนือระดับสายตา ถ้าไม่สะดวกก็ปรับให้แสงส่องมาทางด้านข้างแทน และถ้าเกรงว่าแสงจะจ้าเกินไปในบางช่วงเวลา ก็ควรมีม่านช่วยกรองแสงเพื่อถนอมสายตาด้วย

สำหรับการทำงานในห้องที่มีแสงไม่เพียงพอ เราสามารถใช้หลอดไฟโทน Cool White เพื่อให้เกิดความสบายตาและได้งานที่สีไม่ผิดเพี้ยน และความสว่างที่ใช้อยู่ที่ 400-600 ลักซ์โดยประมาณ ถ้าความสว่างมากหรือน้อยกว่านี้ก็จะไม่สบายตาและเกิดผลเสียต่อสายตาได้

สะอาด: สุขอนามัยที่ดี ย่อมนำมาซึ่งความพร้อมในการทำงาน เช็ดทำความสะอาดโต๊ะทำงานทุกวัน อย่างน้อยตอนหลังเลิกงาน เพื่อที่คุณจะเริ่มงานเช้าวันใหม่ได้ทันทีด้วยความปลอดโปร่ง โต๊ะสะอาดเป็นระเบียบ อุปกรณ์พร้อมใช้งาน ไม่แปลกถ้าจะมีขนมขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ บนโต๊ะทำงานบ้าง แต่คุณต้องระวัง ไม่ขยายอาณาจักรของกินบนโต๊ะให้ใหญ่เกินไป เพราะนอกจากพื้นที่ใช้สอยจะลดลง คุณอาจจะกินไปเรื่อยๆ จนไม่ได้จดจ่อที่งานอย่างจริงจัง

สะดวก: จัดวางตำแหน่งของสิ่งต่างๆ ให้หยิบง่าย หายรู้ ดูสะบายตา ยุคนี้ต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกมากมาย ลองจัดทิศทางของสายไฟ ปลั๊กพ่วง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด หาจุดวาง gadget อันเล็กอันน้อยของคุณ รวมทั้งสมุดโน๊ต ปากกา และเอกสารสำคัญต่างๆ ใครจะรู้ บอสอาจจะโทรมาหรือ VDO call เพื่อถามข้อมูลสำคัญจากคุณได้ทุกเมื่อ เตรียมพร้อมไว้ไม่พลาดแน่นอน

ตกแต่งโต๊ะทำงานด้วยสิ่งที่ชอบ

พักสายตา สร้างความสบายใจก่อนจะกลับไปจ้องหน้าจออีกครั้งช่วง Work From Home อาจจะไม่ใช่เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ตามที่ใครๆ คาดหมาย เพราะจากสถานการ์ที่เกิดขึ้น หลายๆ บริษัทพบว่าการทำงานที่บ้านไม่ใช่การแก้ปัญหาชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่อไป แต่เป็นรูปแบบการทำงานวิถีใหม่ที่สามารถทำต่อไปได้แม้ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะปกติแล้วก็ตาม พื้นที่ทำงานเล็กๆ ในบ้านจึงกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนแต่ละวันของเราให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น รู้อย่างนี้แล้ว ไปจัดบ้านเรียกพลังกันต่อเลย