ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เตรียมเกษียณแบบชิลสุดๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงวันหนึ่งของชีวิต เราต้องหยุดทำงาน ซึ่งภาวะการหยุดทำงานดังกล่าว เราเรียกว่า ‘การเกษียณอายุ’ จึงเป็นที่มาว่า
หนึ่งในแผนการเงินภาคบังคับที่เราๆ ท่านๆ ทุกคนต้องเตรียมนั่นคือ ‘การวางแผนเกษียณอายุ’
เหตุผลที่การวางแผนเกษียณอายุเป็นเรื่องสำคัญก็เพราะว่า ช่วงเวลาดังกล่าว จะเป็นช่วงเวลาที่แหล่งที่มาของรายได้จะเปลี่ยนจากเงินเดือนหรือรายได้ประจำ มาเป็นรายได้จากเงินเก็บที่เราเฝ้าพยายามเก็บออมมาตั้งแต่ในช่วงวัยทำงานของเราแทน แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเงินเก็บของเราจะมีเพียงพอให้เราใช้จ่ายไปได้ตลอดจนถึงวัยหลังเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ใกล้เกษียณ (Pre – retirement) จะมีกลยุทธ์มาปรับแผนการเงินก่อนเกษียณอย่างไรดี
เทคนิคต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถบริหารเงินและทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณอายุอย่างมั่งคั่ง ที่กำลังจะใกล้เข้ามา
1. ทบทวนแผนเกษียณอายุอย่างสม่ำเสมอ
ในความเป็นจริง เราไม่ควรมาเริ่มต้นการวางแผนเกษียณอายุ หรือเพิ่งจะมาทบทวนแผนเกษียณอายุตอนที่เราจะใกล้เกษียณ เพราะอาจจะเตรียมการไม่ทัน เราควรจะเริ่มต้นวางแผนเกษียณอายุให้เร็วที่สุด (ถ้าเป็นไปได้ให้เริ่มต้นตั้งแต่เริ่มทำงาน) และทบทวนแผนนั้นเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งสิ่งที่เราต้องหมั่นทบทวน คือ จำนวนรายได้ที่เราต้องการจะมีสำหรับดำรงชีวิตหลังเกษียณ เพราะผลของเงินเฟ้อ อาจทำให้เราต้องมีเงินเพื่อการเกษียณมากกว่าที่เราได้เคยประมาณการไว้ (เงินเฟ้อคือภาวะที่ข้าวของมีราคาสูงขึ้น ทำให้เงินเท่าเดิมซื้อของไม่ได้เท่าเดิม หรือทำให้อำนาจซื้อของเงินน้อยลง)
นอกจากนี้ เรายังต้องหมั่นทบทวนถึงแหล่งที่มาของรายได้เพื่อการเกษียณอายุของเราว่ามาจากแหล่งไหนบ้าง เช่น พอร์ตการลงทุนต่างๆ แล้วผลตอบแทนจากการลงทุนต่างๆ เหล่านั้นเป็นไปตามคาดการณ์หรือไม่ เป็นต้น ซึ่งเราควรจะเริ่มทบทวนเป็นประจำอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 10 ปีก่อนที่จะถึงเวลาเกษียณอายุจริง
2. หากทบทวนแล้วพบว่าเงินเก็บไม่พอใช้ในวัยเกษียณ จะทำอย่างไร
ด้วยเหตุผลนี้ จึงยิ่งมาตอกย้ำถึงความเร่งด่วนในการวางแผนเกษียณอายุ เพราะหากว่าเราทบทวนแล้วพบว่าเงินเก็บไม่พอใช้ในวัยเกษียณ เราอาจจะยังมีเวลาที่มากพอในการเตรียมการนั่นเอง แต่สำหรับใครที่เริ่มช้า แล้วพบว่าเงินที่เก็บไว้มีไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องการใช้หลังเกษียณ สิ่งที่ทำได้คือ เราอาจต้องเลื่อนระยะเวลาการเกษียณอายุของเราออกไปอีก เพื่อทำงานหาเงินมาเพิ่มให้มีจำนวนเพียงพอกับกองทุนเกษียณอายุที่ต้องการ นั่นหมายความว่า เราจะไม่สามารถเกษียณอายุ ณ เวลาที่เราต้องการได้ และสิ่งที่เราต้องทำก็คือ เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย มีการ ออมเงิน เพิ่มขึ้นในแต่ละปี และทำให้เงินออมงอกเงยนั่นเอง
3. การบริหารจัดการทรัพย์สินหลังการเกษียณของเรา
เคยมีคนตั้งคำถามว่า ‘เราต้องลงทุนไปถึงเมื่อไหร่’ คำตอบคือเราต้องลงทุนไปตลอดชีวิต แม้ว่าเราจะเกษียณอายุแล้วก็ตาม เพราะอย่าลืมว่า แม้เราจะเกษียณอายุ แต่เงินเฟ้อไม่มีวันเกษียณอายุตามเราดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญหลังเกษียณอายุ คือ กลยุทธ์การรักษาอำนาจซื้อ หรือการลงทุนนั้นๆ ต้องให้อัตราผลตอบแทนที่อย่างน้อยชนะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ในยามที่เราเกษียณแล้วนั้น การรักษาทรัพย์สินของเราให้เพียงพอเพื่อสามารถใช้ได้ตลอดช่วงเวลาที่เหลือก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นเราอาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนด้วยการมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำไปจนถึงการลงทุนที่มีการรับประกันผลตอบแทน เป็นต้น
ตัวอย่างการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ได้แก่
คำแนะนำต่อไปนี้ จะช่วยทำให้รายได้ของเราสมดุลกับค่าใช้จ่าย
กล่าวโดยสรุป เพื่อเป็นการมั่นใจว่าเราจะมีเงินใช้อย่างเพียงพอจนวาระสุดท้ายของชีวิต การวางแผนเกษียณอายุ การทบทวนแผนเกษียณอย่างสม่ำเสมอ และการบริหารเงินในช่วงเวลาการเกษียณเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก อย่าชะล่าใจรอจนใกล้เกษียณแล้วถึงคิดจะวางแผนเก็บเงิน เพราะมันจะสายเกินไป ‘ไม่มีใครวางแผนที่จะล้มเหลว แต่ที่ล้มเหลวเพราะไม่ได้วางแผนต่างหาก’ แล้ววันนี้คุณวางแผนเกษีญณอายุแล้วหรือยัง?
บทความโดย: นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร