เมื่อประกันหันมาปฏิวัติตัวเอง ฉีกกฎเกณฑ์ต่างไปจากเดิม

อุตสาหกรรมประกันภัยเป็นอีกธุรกิจที่ต้องปรับตัวรับความท้าทายของธุรกิจยุคดิจิทัล เพราะมีผู้เล่นจากต่างอุตสาหกรรมที่มีทั้งเทคโนโลยีและข้อมูลเข้ามาลงเล่นในสนามนี้มากขึ้น การที่ธุรกิจประกันภัยจะรักษาฐานลูกค้าเก่า และเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ให้ได้นั้น จะต้องมีการปรับตัวเองเป็นดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงมองหาความต้องการของผู้บริโภคในแง่มุมใหม่ๆ ให้เจอ เพื่อนำมาออกแบบผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจโมเดลที่สามารถต่อยอดธุรกิจ และสร้างการเติบโตต่อไปได้ในกระแสดิสรัปชัน

insurance-1202900398

หากมองไปรอบตัวจะเห็นว่า ธุรกิจประกันภัยมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา เช่น การเกิดขึ้นของประกันชีวิตควบการลงทุนอย่างยูนิตลิงค์ ที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถวางแผนทางการเงินควบคู่กับความคุ้มครองได้ในกรมธรรม์เดียว หรือการรับประกันภัยทางไซเบอร์จากมิจฉาชีพออนไลน์ที่เข้ามาในหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนการมีประกันในรูปแบบที่ เปิด-ปิด ได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการใช้ความคุ้มครอง รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการซื้อประกันได้ง่ายขึ้น ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ผ่านแอปพลิเคชัน หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ


ประกันสุขภาพถือเป็นรูปแบบประกันภัยอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การมีประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ แต่ประกันนี้ก็ยังมีสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ทำให้หลายคนยังไม่ตัดสินใจซื้อ เช่น ไม่อยากเสียเวลาไปตรวจสุขภาพก่อนการทำประกัน และหากซื้อแล้วไม่ได้เคลม ก็เหมือนกับการจ่ายเบี้ยทิ้งไปทุกปี โดยเฉพาะคนมีครอบครัวหรือเป็นหัวหน้าครอบครัว การจะซื้อประกันให้ครอบคลุมสมาชิกทุกคนในบ้าน ก็จะต้องซื้อหลายฉบับ ทำให้ตัดสินใจยากว่าจะเลือกซื้อให้ใครบ้าง รวมถึงค่าเบี้ยประกันสุขภาพยังต้องจ่ายเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุที่มากขึ้นด้วย

จากปัญหาของลูกค้าเหล่านี้ ทำให้เกิดการคิดประกันรูปแบบใหม่ที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ขึ้นมา  เกิดเป็นประกันแบบเหมาจ่ายที่ค่าเบี้ยประกันภัยคงที่ ไม่ปรับเพิ่มตามช่วงอายุ ใช้การตอบคำถามสุขภาพแทนการตรวจสุขภาพ มีความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่ม หากทำประกันแล้วไม่ได้เคลมหรือใช้วงเงินค่ารักษาพยาบาลไม่หมด ก็สามารถสะสมวงเงินค่ารักษาพยาบาลไปใช้ในปีถัดไปได้ ที่สำคัญ เบี้ยประกันที่ผู้บริโภคจ่ายไป จะไม่กลายเป็นเบี้ยทิ้ง เนื่องจากคืนเบี้ยทั้งหมด เมื่อครบสัญญา แม้จะมีการเคลมค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชย หรือค่าเจ็บป่วยโรคร้ายแรง แล้วก็ตาม และสามารถแชร์วงเงินค่ารักษาพยาบาลให้คนในครอบครัวได้รวมกันสูงสุดถึง 5 คน* (รวมผู้เอาประกันภัย) ทั้งกรณีผู้ป่วยนอก (OPD), ผู้ป่วยใน (IPD), ทำฟัน, ตรวจตา, วัคซีน และตรวจสุขภาพประจำปี นอกจากนั้นยังมีค่าชดเชยรายวัน กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน และค่ารักษาพยาบาล กรณีเป็น 3 โรคร้ายแรง(โรคมะเร็งระยะลุกลาม โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน)  โดยไม่ต้องซื้อกรมธรรม์ฉบับใหม่ ๆ เพิ่มอีกด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการประกันภัยที่ยังไม่มีผู้เล่นในประเทศรายไหนทำมาก่อน และสามารถสอบถามรายละเอียด พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันชีวิตได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บแชท ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงการทำประกันได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น


ใครสนใจการทำประกันแบบเบี้ยไม่เสียเปล่า ราคาไม่ปรับเพิ่มตามช่วงอายุ แชร์ความคุ้มครองให้คนในครอบครัวได้ ไม่ต้องซื้อกรมธรรม์หลายเล่ม สามารถทักแชทสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้ทาง www.โอพีดีคืนเบี้ยครบ.com หรือติดต่อที่ SCB ทุกสาขา

หมายเหตุ

*รวมผู้เอาประกันภัย โดยระบุเพิ่มสมาชิกในครอบครัว ได้สูงสุด 4 คน ได้แก่ สามี ภรรยา บุตร บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องร่วมแต่บิดาหรือมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา (ซึ่งมีอายุระหว่าง 1 เดือน – 75 ปี) โดยได้รับความคุ้มครองชีวิต 50,000 บาทต่อคน (โดยบริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้เอาประกันภัยเท่านั้น)

  • รับประกันภัยโดย บมจ. เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต
  • ธนาคารเป็นเพียงนายหน้าผู้ชี้ช่องให้ทำประกันเท่านั้น
  • แผนประกันนี้ประกอบด้วยสัญญาหลักซึ่งให้ความคุ้มครองชีวิตและสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ
  • ลูกค้าควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และทำประกันทุกครั้ง
  • เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามแบบกรมธรรม์ และ บมจ. เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต กำหนด
  • สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง และการเคลมสินไหมทดแทน ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าเอฟดับบลิวดี โทร. 1351 (ทุกวัน เวลา 8.00 - 20.00 น.) หรือ https://www.fwd.co.th/

สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อได้ที่ SCB ทุกสาขา หรือ SCB Call Center โทร. 02-777-7777