ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
หาเงินต่อเติมบ้านเพื่อแม่ ฉบับด่วนจี๋
นี่คือเรื่องของฉันที่อยากเล่าให้คุณฟัง ฉันคือคนธรรมดาที่เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี แล้วก็ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือน คงเข้าใจหัวอกฉัน พนักงานออฟฟิศระดับกลาง รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร การใช้เงินแบบเดือนชนเดือนถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่ามีรายจ่ายประจำมากมายทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์และค่าอื่นๆ สารพัด ขนาดพยายามเจียมเนื้อเจียมตัว เงินเก็บก็แทบจะไม่มีเหลือ ยิ่งเวลาเจอเรื่องฉุกเฉินนี่แทบบ้าไปเลยล่ะ เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน ที่แม่ต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน
ในตอนนั้นฉันถึงได้รู้ว่าการมีเงินฉุกเฉินสำรองอยู่สักก้อนนั้น เป็นสิ่งจำเป็นมากขนาดไหน
ในคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตี 2 แม่สะกิดฉันขณะที่กำลังนอนหลับ “บีๆ แม่เป็นอะไรก็ไม่รู้ชาไปครึ่งตัว ขยับแขน ขยับขา ไม่ได้เลย” ฉันสะดุ้งตื่น ถามแม่ละล่ำละลัก “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” แม่ตอบพูดเหมือนคนลิ้นไก่สั้นว่า “เปล่า” ฉันตัดสินใจพาแม่ไปโรงพยาบาล ตอนแรกแม่ไม่ยอมไป บอกว่ามันดึกไปตอนเช้าดีกว่า ฉันไม่เชื่อ วิ่งออกไปนอกบ้าน ไปกดกริ่งที่บ้านข้างๆ บ้านนี้มีรถยนต์ “กริ๊งๆ ๆๆๆๆๆๆ” ชั้นกดกริ่งดังระรัว ลุงสมานเปิดไฟ ฉันบอกลุงว่า
แม่ป่วยหนักชาไปครึ่งตัวพูดไม่ชัดแล้ว ลุงสมานก็แสนดี รีบขับรถพาแม่ไปที่โรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉินทันที ปรากฎว่าแม่เป็นเส้นเลือดในสมองตีบ หมอบอกว่าโชคดีที่พามาทันภายในเวลา 3 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านี้โอกาสที่จะพิการมีสูงมาก
ฉันนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินตั้งแต่ตี 3 ยัน 9 โมงเช้า แม่ก็ยังนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน ฉันเดินเข้าไปหาแม่เป็นพัก ๆ แม่บอกว่าหมอให้ยาละลายลิ่มเลือดแล้ว แม่ยิ้มปากเบี้ยว พูดเหมือนคนลิ้นไก่สั้นถามว่า “ได้กินข้าวหรือยัง” ฉันยิ้มแล้วบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วง ในตอนนั้นใจฉันมันหนักอึ้งกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรมากกว่านี้ หัวมันตื้อๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้แต่เพียงว่าฉันต้องเอาชนะอุปสรรคในครั้งนี้ให้ได้ ไม่นานนักเรื่องหนักใจก็เดินเข้ามาหาฉันอีก ห้องการเงินเรียกฉันไปจ่ายเงินค่ายาก้อนแรก 6,000 กว่าบาท จากนั้นก็เรียกไปจ่ายเงินเป็นระยะๆ สรุปว่าแม่อยู่ในโรงพยาบาล 6 วันมีค่ารักษารวมกว่า 60,000 บาท
ไม่ทันไรความหนักใจระลอกที่สามก็เกิดขึ้น
เมื่อกลับมาถึงบ้าน แขนขาของแม่อ่อนแรงเกินกว่าที่จะเดินขึ้นบันไดไหว บ้านของฉันเป็นทาวน์เฮ้าส์เข้ามาในตัวบ้านจะเจอห้องนั่งเล่นติดกับห้องครัว ไม่มีที่จะให้แม่อยู่ ฉันตัดสินใจปรับปรุงห้องครัวเดิมให้เป็นห้องนอนของแม่
และต่อเติมห้องครัวใหม่ด้านหลังบ้าน ฉันรีบไปหาผู้รับเหมาแถวบ้านคิดเฉพาะค่าแรง 40,000 บาท ส่วนค่าของเอาแบบประหยัดสุด ๆ ก็ 60,000 – 70,000 บาท
บอกตามตรงว่า ในตอนนั้นฉันมึนตึ้บ เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว เพราะจ่ายค่ารักษาให้แม่แล้ว 60,000 กว่าบาทและยังต้องต่อเติมบ้านใช้เงินอีกเกือบ 100,000 บาท ตัดสินใจโทรไปขอเงินจากพี่ชายที่ต่างจังหวัด ปรากฏว่าพี่ฉันเพิ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ เงินก้อนก็ไม่ค่อยมี พี่โอนเงินมาให้ 30,000 บาท รวมกับเงินเก็บของฉันที่มีอยู่ในบัญชีอีก 40,000 บาทก็พอจ่ายค่ารักษาให้แม่ได้ แต่ก็ไม่พอที่จะต่อเติมห้องนอนใหม่ให้แม่ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะจ่ายค่าโรงพยาบาลไปก่อน แล้วค่อยต่อเติมห้องนอนให้แม่
ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา แม่นอนอยู่ที่ฟูกในห้องนั่งเล่นที่ไม่มีเตียงนอน จะลุกขึ้นนั่งก็ลำบาก จะเดินเหินไปไหนก็ต้องใช้วอล์กเกอร์ เข้าห้องน้ำก็ค่อนข้างไกล ยังกลัวอยู่เลยว่า ตอนกลางวันเวลาแม่อยู่บ้านคนเดียวจะล้มหรือเปล่า แม่เดินขาเป๋ๆ เห็นแล้วสงสารจับใจ ฉันถามแม่ว่านอนที่ห้องนั่งเล่นลำบากหรือเปล่า แม่ยิ้มปากเบี้ยวบอกว่า “สบายมาก” คงเพราะความไม่อยากให้ลูกยุ่งยากลำบาก แม่ไม่เคยบ่นสักคำ มีแต่บอกว่าแม่สบายดีแล้ว วันหนึ่งฉันงานเยอะกลับบ้านดึก ค่อย ๆ เดินผ่านแม่ที่นอนหลับอยู่ แสงไฟนอกบ้านส่องให้เห็นร่างผอม ๆ ผมของแม่สีดอกเลา ตัวของแม่ที่ผอมแห้งอยู่แล้วเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผิวหนังเหี่ยวย่น นอนเหยียดขาอยู่บนฟูก แขนและขาซ้ายของแม่ลีบลงไปจากเดิม ปากของแม่ยังเบี้ยวน้อย ๆ เห็นสภาพของแม่ที่นอนอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว ทำให้รู้สึกหดหู่พูดไม่ออก ฉันบอกกับตัวเองว่า
ทำไมต้องรอให้พร้อม ทำไมฉันถึงทำให้แม่สบายกว่านี้ไม่ได้ ทำไมฉันต้องรอเก็บเงินให้ได้สักก้อน ทำไมฉันถึงไม่ทำอะไรให้ดีกว่านี้และทำตอนนี้
ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปยืมเงินพี่ชายอีกรอบ พี่ชายบอกว่าไม่มีเงินแล้ว ที่โอนให้เมื่อครั้งก่อนก็หมดตัวแล้ว ฉันไม่ลดละโทรไปยืมเงินกับน้าชาย น้าบอกว่าเกษียณแล้วเงินเก็บก็ไม่ค่อยมี โทรไปหาเปิ้ลเพื่อนสนิท เปิ้ลกลับพูดบ่ายเบี่ยงอ้างโน่นอ้างนี่ว่าไม่มีเงิน ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเพื่อนสนิทที่เคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจะปฏิเสธฉันอย่างไม่มีเยื่อใย ในตอนนั้นฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว ไม่มีใครช่วยฉันได้เลย น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว ในยามที่เราอับจนอะไรๆ ก็ดูมืดมน ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใครเลยจริง ๆ
ขณะนั้นฉันเห็น notification ในแอป SCB Easy
สมัครสินเชื่อบุคคลไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน
ฉันตัดสินใจทันทีไม่รีรอรีบสมัครผ่านแอป เพียงไม่นานก็มี SMS แจ้งว่าสินเชื่ออนุมัติแล้ว ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง รีบโทรไปหาผู้รับเหมาให้มากั้นห้องนอนให้แม่ และต่อเติมครัวใหม่หลังบ้านทันที
-สมัครสินเชื่อ Speedy Loan-
เพียงแค่ 15 วัน แม่ก็ได้ห้องนอนใหม่ ภายในห้องมีเตียงนอนและฟูกหนาๆ ทำให้แม่ลุกขึ้นนั่งได้สะดวกมากขึ้น มีที่นั่งคล้ายๆ กับกระโถนอยู่ข้างๆ เตียง ตอนกลางคืนแม่ไม่ต้องลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไกลๆ อีกแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าแม่มีความสุขจากความสะดวกมากขึ้นแค่ไหน แม้ตอนแรกแม่จะโวยวายว่าเสียดายเงิน แต่เมื่อฉันเห็นแม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นฉันก็สุขใจอย่างบอกไม่ถูก
กลับมานั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้งเรื่องบางเรื่องอาจจะรอไม่ได้ ถ้าหากรู้ว่า ทำห้องนอนใหม่จะทำให้แม่มีความสุขมากขนาดนี้ ฉันจะรีบทำตั้งแต่วันแรกๆ เลย จะไม่รีรอจนถึงป่านนี้ ฉันจะไม่มัวแต่คิดว่าจะต้องเก็บเงินให้พร้อมถึงจะทำให้แม่มีความสุข เพราะว่ากว่าจะพร้อมแม่ก็อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ แม้ในตอนนี้ฉันจะมีภาระเพิ่มขึ้นจากการเป็นหนี้ แต่ฉันก็สุขใจที่ได้ทำอะไรเพื่อแม่ของฉัน และทำให้คิดได้ว่า บางครั้งการเป็นหนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เราไม่ได้เป็นหนี้จากความฟุ้งเฟ้อที่ไม่จำเป็น แต่เป็นหนี้ที่มีความสุข มันเป็นสินเชื่อบุคคลที่ทำเพื่อให้บุคคลที่เรารักจริง ๆ