ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
คอนโด หรือทาวน์เฮาส์ ตัวเลือกไหนใช่สำหรับคุณ
“มิลเลนเนียลส์” เป็นชื่อเรียกกลุ่มคนที่เกิดในระหว่างปีพ.ศ. 2527-2539 เป็นช่วงวัยที่หลายคนมองว่าให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์เหนือสิ่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเช็กอินที่กินดื่มสุดหรู เที่ยวต่างประเทศแบบชิคๆ อวดรูปในสังคมออนไลน์ แต่จุดที่หลายคนอาจมองข้ามคือ นอกจากตอบสนองความต้องการด้วยการใช้ชีวิตแบบเต็มที่แล้ว คนกลุ่มนี้ยังซุ่มเก็บออมตามความฝันเพื่อหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ชนิดไม่ต้องสูญเสียการใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ โดยเลือกบ้านให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนมากขึ้นจากโครงการที่ออกแบบมาอย่าง “รู้ใจ” ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่
คอนโดมิเนียม ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก
หนุ่มสาววัย 25-35 ปีที่เริ่มมีฐานะการเงินการงานมั่นคง เมื่อตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย เป้าหมายอันดับแรกคือการพุ่งตรงไปในทำเลที่สะดวกต่อการเข้าถึง “แหล่งงาน” ย่านธุรกิจซึ่งกระจุกตัวอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ได้แก่ สีลม, สาทร, ปทุมวัน, อารีย์ และย่านน้องใหม่มาแรงอย่าง พร้อมพงษ์ และรัชดาภิเษก ที่กำลังขึ้นแท่นเป็น “NEW CBD” (New Central Business District) แห่งเมืองหลวง
ข้อดีของทำเลเหล่านี้คือ มีรถไฟฟ้า BTS และ MRT กระจายตัวออกสู่ทุกมุมเมือง และทำให้การเดินทางเชื่อมต่อไปยังรอบนอกกรุงเทพฯไม่ใช่เรื่องยาก คอนโดมิเนียมติดเส้นทางต่อขยายของรถไฟฟ้าต่างๆ ในระดับราคา 7 หมื่น - 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็นราคาล้านบาทปลายๆ ไปจนถึง 3 ล้านบาท จึงผุดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่ครึ่งปีแรกมีโครงการเปิดตัวใหม่ไปกว่า 2,700 ยูนิต และครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะเปิดอีก 3,000 ยูนิต เช่นเดียวกับส่วนต่อขยายสายสีเขียวจากแบริ่งไปถึงสมุทรปราการ และอีกทางอย่างฝั่งเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเป็นทำเลที่เริ่มมีโครงการศักยภาพปักธงลงเสาเข็มรอรับลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ฝันมีบ้านลอยฟ้าหลังแรก
ตัวเลือกเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งกับเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งทำงานที่แรก (First Jobber) เพราะเพียงยอมจ่ายต้นทุนเวลาในการเดินทางเพิ่ม แต่เมื่อแลกกับการได้ครอบครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมสักห้องก็คุ้มค่า เพราะดีกว่าการเสียสุขภาพจิตกับรถติดบนถนน หรือต้องตื่นก่อนพระอาทิตย์ ตะกายดวงดาวเข้าสู่ที่ทำงาน นอกจากนั้นยังถือเป็นการลงทุนระยะยาว รอเวลาเก็บเกี่ยวจากกำไรได้อีกด้วย เพราะราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังปรับขึ้นทุกไตรมาสราว 3-5%
ดังนั้น จะเลือกอยู่อาศัยเองเพื่อชีวิตการทำงานที่สะดวก หรือเก็บเป็นสินทรัพย์เพื่อกำไรสำหรับอนาคตไปในตัวก็ยังได้ เพียงแต่ต้องท่องจำไว้ให้มั่นว่ามี 3 ปัจจัยคอยส่งเสริม นอกจาก “ทำเล” ที่ต้องท่องไว้อันดับหนึ่งแล้ว ทั้ง “แนวคิดโครงการ” และ “ตำแหน่งทางการตลาด” ต่างสำคัญไม่แพ้กัน เพราะ การเลือกคอนโดมิเนียมที่มีแนวคิดตอบสนองกลุ่มเป้าหมายชัด จัดวางพื้นที่เชิงแบ่งปัน (Sharing Space) ให้ทำงานบน Co-Working Space ในอาคารเดียว หรือทำกิจกรรมสันทนาการแบบสุดคูลในพื้นที่ส่วนกลาง แบบไม่ต้องก้าวเท้าออกนอกบ้าน และไม่ต้องลงทุนเพื่อครอบครองทรัพย์สินของตัวเอง กลายเป็นตัวเลือกที่ “แตกต่าง” และช่วยทำให้การอยู่อาศัยหรือเก็บไว้เก็งกำไรต่างก็คุ้มค่าโดดเด่นเหนือโครงการอื่น
ทาวน์เฮาส์ เพิ่มพื้นที่ใช้สอย ทำเลแห่งอนาคต
อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่ขยันสรรหาอาชีพที่ 2 หรือผันตัวเองสู่การเป็นมือปืนรับงานอิสระแบบไม่ต้องง้อนายจ้างประจำ ทำให้ความต้องการที่อยู่ในทำเลศักยภาพเข้าถึงใจกลางเมืองได้สะดวกของกลุ่มนี้ อาจไม่สูงเท่ากับการมีพื้นที่กว้างขวางให้ทำงานในบรรยากาศที่เอื้อต่อการใช้ความคิดสร้างสรรค์ “ทาวน์เฮาส์” ในทำเลใกล้เมืองสักหลังในราคาเทียบแบบหมัดต่อหมัดแล้วพอฟัดพอเหวี่ยงกับคอนโดมิเนียมในเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่มาแรงแซงโค้งในขณะนี้ โดยเฉพาะช่วงนี้ถือเป็นเวลาร้อนแรงของวงการทาวน์เฮาส์ในรอบนอกกรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างแท้จริง เพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์เริ่มฉีกแนวจากการจับกลุ่มครอบครัวมาสู่ตลาดคนรุ่นใหม่มากขึ้น
จุดเด่นคือราคาเริ่มต้นในระดับไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดมิเนียม ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยมีแนวคิดตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตแบบในเมืองได้ และตั้งอยู่ในทำเลที่ยังเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมก่อสร้าง อาทิ สายสีชมพู, สายสีแดงอ่อน, สายสีเหลือง เป็นต้น และใกล้แหล่งศูนย์การค้าที่ต่างก็เริ่มขยายตัวสู่ย่านชานเมือง ตามทิศทางการอยู่อาศัยแล้วเช่นกัน
ข้อดีของทาวน์เฮาส์คือ พร้อมรองรับช่วงชีวิตหลังจากการก่อร่างสร้างตัวสู่การสร้างครอบครัว คนรุ่นใหม่ที่มองข้ามช็อตไปสู่การขยับขยายรับสมาชิกเพิ่ม จึงหันมาพิจารณาโครงการทาวน์เฮาส์ที่เริ่มแข่งขันกันสร้างสินค้าคุณภาพจับตลาดกำลังซื้อกลุ่มบน หนีกำลังซื้อตลาดล่างที่ชะลอตัวเพราะติดปัญหาการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารในขณะนี้
แนวคิดที่มาแรงมากขึ้นคือ การมอบสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับโครงการทาวน์เฮาส์ประหนึ่งบ้านเดี่ยว และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างพิถีพิถันในการปั้นคอนเซ็ปต์ให้ชัดเจน เพื่อจูนคลื่นหาลูกค้าที่มีความต้องการตรงกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกที่อยู่อาศัยแบบไหน ในยุคนี้จึงถือว่าเป็นตลาดของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เมื่อมี
โครงการทาวน์เฮาส์คุณภาพ
ในทำเลที่ใช่ แข่งกันนำเสนอเพื่อมัดใจคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับกำลังซื้อ และรู้ถึงความต้องการที่แตกต่างจากกลุ่มอื่น
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.colliers.com/-/media/files/apac/thailand/market-reports/q2-2018/bangkok-condominium-2q-2018_eng.pdf