บริการจาก Family Office
สำหรับลูกค้า SCB PRIVATE BANKING, SCB FIRST และ SCB PRIME
ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เคล็ดลับเลือกลงทุนกิจการอนาคตดี ด้วย ESG Rating
เรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า หากระยะเวลาลงทุนยิ่งมากขึ้น โอกาสการขาดทุนจะยิ่งน้อยลง และโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีก็จะมีมากขึ้น อย่างไรก็ดี ผมมองว่า ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นในระยะยาว ต้องพิจารณาโอกาสและความเสี่ยงที่สินทรัพย์หรือกิจการนั้นมีในอนาคตด้วย โดยให้ความสำคัญทั้งตัวชี้วัดผลการดำเนินงานด้านการเงิน (Financial Measures) และตัวชี้วัดที่ไม่ใช่ด้านการเงิน (Non-financial Measures) อย่างการบริหารจัดการประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG (Environment, Social and Governance) ที่มีนัยสำคัญ เป็นปัจจัยด้าน Non-financial ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม เพราะหากบริหารจัดการ ESG ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม อาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายทางกฎหมายหรือค่าใช้จ่ายจากปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งหมายถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสูญเสียโอกาสทางธุรกิจอันเนื่องมาจากขาดนวัตกรรมที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น p>
การประเมินโอกาสและความเสี่ยงบนประเด็น ESG ในอนาคตนั้น นอกจากศึกษาข้อมูลที่สินทรัพย์หรือกิจการได้เปิดเผยไว้ ไม่ว่าจะเป็นในรายงานประจำปี รายงานความยั่งยืน หรือเว็บไซต์ของกิจการแล้ว เรายังพิจารณาเพิ่มเติมได้จาก ESG Rating หรือผลประเมินด้าน ESG ที่จัดทำขึ้นโดยผู้ให้บริการบุคคลที่สาม (Third Party) ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ให้บริการหลายราย โดยผู้ให้บริการระดับโลกที่นักลงทุนคุ้นเคย อาทิ Bloomberg ESG Data, MSCI ESG Rating, Sustainalytics, Refinitiv ESG Rating, S&P Global ESG Score เป็นต้น ขณะที่ในไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก็มีการจัดทำ SET ESG Rating ในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยประเมินคะแนน ESG ของบริษัทจดทะเบียนในไทยที่สมัครใจเข้าร่วมประเมิน ซึ่งการประเมินคะแนนนี้ยกระดับมาจากการประเมินที่ทำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ในรูปแบบการประเมินว่าบริษัทจดเบียนนั้นเข้าข่ายหุ้นยั่งยืนหรือไม่เพียงอย่างเดียว
สำหรับ ESG Rating ที่ผู้ให้บริการจัดทำจะประเมินความสามารถของสินทรัพย์และกิจการในการบริหารจัดการทั้งความเสี่ยงและโอกาสด้านประเด็น ESG ที่มีนัยสำคัญ โดยกิจการหรือสินทรัพย์ที่มีผลการประเมินที่ดี มักจะมีคุณสมบัติสำคัญ คือ มีการเปิดเผยข้อมูลผลการบริหารจัดการประเด็น ESG ที่มีนัยสำคัญ มีระบบการจัดการความเสี่ยงบนประเด็น ESG ที่มีนัยสำคัญที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้ง หรือเหตุการณ์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ ESG รวมทั้งมีการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง เข้าใจถึงความเสี่ยงและโอกาสด้าน ESG ที่สำคัญ
ทั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล ESG Rating ได้ ครอบคลุมดังนี้
เนื่องจากผู้ให้บริการ Third Party แต่ละรายมีวิธีการประเมิน (Methodology) และให้คะแนนที่แตกต่างกันไป ในส่วนของผู้ลงทุนทั่วไปนั้น อาจใช้ข้อมูล ESG Rating จากหลายแหล่ง เพื่อให้ได้เห็นมุมมองที่ครอบคลุมสำหรับใช้คาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับปัจจัยที่จะมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการเนินธุรกิจและทิศทางด้าน ESG ของบริษัทในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสจากสินทรัพย์หรือกิจการที่ลงทุน ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนที่ยั่งยืนได้
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เผยแพร่ในรายงาน ESG Investing : Practces, Progress and Challenges โดยระบุว่า ในการประเมินคะแนน ESG นั้น บางบริษัทอาจจะได้ Rating อันดับต้นๆ ของผู้ให้บริการประเมินรายหนึ่ง แต่ได้คะแนนต่ำกว่าในผู้ประเมินรายอื่น ซึ่งประเด็นนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ประเมินรายนั้นใช้ปัจจัยอะไรในการวัด ให้น้ำหนักกับปัจจัยใดอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพในการตัดสินของนักวิเคราะห์ และการวัดผลนั้นได้รับผลจากการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทอย่างไร เป็นต้น
ขณะที่ สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับสากล หรือ (CFA Institute) มีการเผยแพร่บทความ Do Better ESG Ratings Boost Bond Holders? โดยผู้เขียนบทความได้สร้างกลุ่มตัวอย่างบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีการจัดอันดับ ESG และเสนอขายตราสารหนี้ต่อสาธารณะ โดยที่ตราสารหนี้ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 และ 2568 โดยคัดเลือกผู้ออกตราสารหนี้มา 10 ราย ใน 11 กลุ่มธุรกิจที่กำหนดไว้ใน S&P 500 โดยที่มีการนำผลตอบแทนมาปรับตามความเสี่ยงแล้ว ด้วยการหักลบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ครบกำหนดใกล้เคียงกันออกจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ขององค์กรในปัจจุบัน การทดลองทำขึ้นช่วงวันที่ 6-7 เม.ย. 2566 และนำคะแนน ESG มาจาก Sustainanalytics
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ บริษัทที่มีคะแนน ESG ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย จะมีส่วนต่างเครดิตที่ดีขึ้น และการจัดอันดับ ESG ที่ดี ยังมีความสัมพันธ์กับผลตอบแทนที่สูงกว่า ดังนั้นก็อาจจะนำคะแนน ESG มาใช้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเพิ่มเติมในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารหนี้ได้
สำหรับ SCB Wealth ในฐานะที่เราทำหน้าที่คัดเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนมานำเสนอลูกค้า เราก็มีการนำข้อมูล ESG Rating ของผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆ มาเป็นปัจจัยหนึ่งในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ก่อนนำเสนอให้ลูกค้า โดยนอกจากการพิจารณา ESG Rating เราก็มีการตรวจสอบประเด็น ESG ของผู้ออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นพันธมิตรด้วยวิธีการอื่นประกอบด้วย เช่น การส่งแบบสอบถามให้พันธมิตร การตรวจสอบข้อมูลจากหนังสือชวนฉบับเต็ม และการสัมภาษณ์ข้อมูลจากพันธมิตร เกี่ยวกับการใช้ ESG ในกระบวนการลงทุน (Investment Process) เพื่อประเมินคะแนน ESG โดยรวมอีกครั้ง
เมื่อคะแนน ESG Rating มีส่วนแสดงถึงโอกาสและความเสี่ยงในอนาคตของสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ ผมก็แนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณา ESG Rating ประกอบการตัดสินใจลงทุนเช่นเดียวกันครับ เช่น ถ้าท่านต้องการลงทุนกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศกองทุนหนึ่ง ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ในไทยเสนอขาย โดยกองทุนนั้นมีกองทุนหลักเป็นกองทุนที่จดทะเบียนอยู่ในต่างประเทศ ท่านก็สามารถค้นหาข้อมูล ESG Rating ของกองทุนหลักในต่างประเทศได้ผ่าน Third Party บางรายที่ให้บริการข้อมูล ESG Rating โดยเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนเป็นสาธารณะให้ผู้ลงทุนทั่วไปพิจารณาได้ เช่น MSCI และ Sustainanalytics ส่วนการพิจารณา ESG Rating ของบริษัทจดทะเบียนในไทยที่ท่านลงทุนอยู่ ก็สามารถก็พิจารณาได้จาก SET ESG Rating ครับ
Source:
คำเตือน
โดยเนื้อหาดังกล่าวจัดทำโดยทีม SCB CIO Office
คุณศรชัย สุเนต์ตา, CFA
SCB Wealth Chief Investment Officer
รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
จัดทำ ณ วันที่ 1 เม.ย. 2567