เจาะลึก Web 3.0 โอกาสทางธุรกิจ SMEs

ในอดีต Web 3.0 อาจเป็นเพียงเทคโนโลยีไกลเกินจริง แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการพูดถึง Web 3.0ในแง่มุมต่างๆ อย่างมีความหวังมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีพื้นฐานของ Web 3.0 อย่าง บล็อกเชน (blockchain) และ metaverse สามารถใช้งานได้จริง เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลกันได้อย่างอิสระปราศจากคนกลาง และข้อมูลต่างๆ ก็จะถูกจัดเก็บแบบกระจายศูนย์ที่ทั้งปลอดภัยและโปร่งใส ซึ่งข้อดีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SME ที่สามารถเรียนรู้ ปรับตัวและเลือกใช้ประโยชน์ได้ทันท่วงทีในวันที่เทคโนโลยีนี้มาถึงจริง


ทำความรู้จัก 7 องค์ประกอบหลักของ Web 3.0


Web 3.0 ก็คือ เฟส 3 ของอินเทอร์เน็ต เป็นแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (decentralized application) ที่ทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชนและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย เพื่อส่งมอบ personalized experience ให้แก่ผู้ใช้งาน และยังสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ บนระบบอย่างปลอดภัยได้อีกด้วย องค์ประกอบหลักที่จะทำให้ Web 3.0 กลายเป็นเรื่องจริงที่ใช่แค่ฝันไปนั้นมีดังนี้


1. Blockchain technology:
เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของ web 3.0 ในการสร้างเครือข่ายกระจายศูนย์ สามารถลดทอนการผูกขาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ และสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก


2. Semantic web:
เป็นเว็บไซต์ที่สร้างหรือแชร์เนื้อหาโดยอิงความหมายของคำ แทนจำนวนของคำหลัก google และ facebook ได้เริ่มใช้ระบบ semantic web แล้ว


3. Artificial intelligence - AI:
AI จะช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจข้อมูลต่างๆ ได้ใกล้เคียงกับมันสมองของมนุษย์ ทำให้ระบบการประมวลผลมีความแม่นยำและรวดเร็ว ดังนั้นข้อมูลบน Web 3.0 จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น


4. 3D Graphic:
บริการและเว็บไซต์บน Web 3.0 จะใช้การออกแบบ 3D เป็นหลัก สร้างประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะรูปแบบการนำเสนอจะสมจริงยิ่งขึ้น


5. Edge computing:
ในเว็บไซต์ web 3.0 ข้อมูลจะถูกประมวลผลที่อุปกรณ์ต่างๆ (โทรศัพท์มือถือ เซ็นเซอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ รถยนต์อัจฉริยะ) ที่อยู่บนเครือข่าย ทำให้ผลลัพธ์ของการประมวลผลเร็วใกล้เคียงกับความเร็วของเครือข่ายที่ใช้งานอยู่


6. Connectivity
: Web 3.0 ใช้ระบบ semantic metadata ที่ทำให้ AI หรือคอมพิวเตอร์เข้าใจความหมายของคำได้ถูกต้อง ดังนั้นข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์จะเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่แม่นยำและเหมาะสมกับความต้องการใช้งาน


7. Ubiquity
: เทคโนโลยี Web 3.0 จะเข้ามาปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูลหรืออินเทอร์เน็ตบนทุกอุปกรณ์ (จะไม่จำกัดแค่สมาร์ทโฟนหรือแลปท็อป) และนี่จะทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์เมชันครั้งใหญ่ของ the internet of things - IoT 

web-3-for-sme-02

แล้ว Web 3.0 ส่งผลอย่างไรกับ SMEs?


1. การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่เหนือชั้นกว่าเดิม


Web 3.0 จะเปลี่ยนวิธีการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของ SMEs ไปโดยสิ้นเชิง เพราะผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่ผ่านการประมวลผลด้วย AI มาสร้าง personalized experience สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้ นอกจากนี้ รูปแบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการ


2. ราคาที่เอื้อมถึง


ข้อดีที่สุดของ Web 3.0 สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก คือ การจ่ายในราคาที่รับไหวเมื่อเทียบกับข้อได้เปรียบที่ได้รับหากเทียบกับ Web 2.0 ที่ผู้ประกอบการรายเล็กต้องพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่ ที่ผูกขาดตลาดด้วยการเป็นผู้ควบคุม centralized data และอินเทอร์เน็ต แต่ในเฟส 3 นี้ระบบบล็อกเชนจะช่วยลดการพึ่งพาคนกลาง และทำให้การเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข้อมูลเท็จทำได้ยากขึ้น เพราะข้อมูลเหล่านี้จะถูกขจัดออกด้วยระบบความปลอดภัยที่เข้มแข็ง


นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดเล็กสามารถทำธุรกรรมการเงินด้วยการใช้สกุลเงินดิจิทัล ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงอีกด้วย


3.  ยกระดับความปลอดภัยให้ข้อมูล


Web 3.0 ให้ทั้งความปลอดภัยและประโยชน์แก่ผู้ใช้ เครือข่ายบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ยากขึ้น ในขณะที่บริษัทเล็ก ๆ สามารถพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่จากการแบ่งปันข้อมูลและความร่วมมือได้


4.  ไม่มีตัวกลางเป็นบุคคลที่ 3


Web 3.0 ทำให้ธุรกิจ SMEs สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้ดีขึ้นและลดต้นทุนในการดำเนินงาน เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะ Web 3.0 ดำเนินการอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้ลดการพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลางหรือผู้ให้บริการบุคคลที่ 3 อีกทั้งการประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้บนหลายอุปกรณ์ ลดการผูกขาดการใช้เทคโนโลยีที่มีตุ้นทุนสูง


นอกจากนี้ Web 3.0 ยังเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของการทำ digital marketing สำหรับ SMEs ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงแต่ประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น


•    Web 3.0 จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถยิงโฆษณาไปยังสมาร์ทโฟนของกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง และ AI จะช่วยให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ


•    ต้นทุนการโฆษณาออนไลน์และการเผยแพร่คอนเทนต์จะถูกลงอย่างมาก ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถแข่งขันได้


•    แอปพลิเคชันบางตัวของ Web 3.0 สามารถแสดงผลข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และในอนาคตการเชื่อมโยงของข้อมูลบน Web 3.0 จะทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจ SMEs สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้สร้างช่องทางการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ

5. บริหาร supply chain ได้ดีขึ้น


เราจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านจากระบบ supply chain หรือห่วงโซ่อุปทานแบบเดิมไปสู่รูปเครือข่ายแบบกระจายศูนย์มากขึ้น โดยมี Web 3.0 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา และการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางสามารถบริหารจัดการระบบ supply chain ดีขึ้น


เครือข่าย supply chain แบบกระจายศูนย์จะประกอบด้วย เครือข่ายของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ซัพพลายเออร์ ผู้ค้าปลีก และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ที่กว้างขวางขึ้นและเชื่อมต่อกันทางดิจิทัล Web 3.0 มีเทคโลโนยีพื้นฐานอย่างบล็อกเชน และ semantic web ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีระบบ supply chian ที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และมีความโปร่งใส ทำให้ตรวจสอบง่ายเมื่อเกิดปัญหา


บริษัทเทคชั้นนำอย่าง Amazon, Apple, Tesla, IBM, Netflix ฯลฯกำลังทุ่มสรรพกำลังและเงินทุนมหาศาลในการพัฒนา Web 3.0 เริ่มมีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ของ Web 3.0 ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี อาทิ Siri ของ Apple หรือ Wolfram Alpha เป็นต้น


แม้การเปลี่ยนแปลงไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่สัญญาณเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า โลกอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 5,000 ล้านคน กำลังเปิดประตูเข้าสู่ยุค Web 3.0  ที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สำหรับคนที่เตรียมตัวพร้อมเท่านั้น


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
https://www.martechthai.com/technology/what-is-web-3-and-marketing/
https://www.entrepreneur.com/science-technology/how-web3-will-transform-small-business/436351
https://paragpallavsingh.com/2022/10/12/web-3-0-advantages-for-small-businesses-examples/