Digital Marketing 101: ติวเข้มมือใหม่หัดขายออนไลน์

การช้อปออนไลน์กลายเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์จึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเพราะว่ามีลูกค้าขาประจำซื้ออยู่ แต่ถ้าหากลูกค้าขาประจำหายไปแล้ว ผู้ประกอบการจะหาลูกค้าใหม่ได้จากที่ไหน? เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่เคยชินหรือติดกับการซื้อของออนไลน์ไปแล้ว ฉะนั้น ผู้ประกอบการจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือผลัดผ่อนการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้อีกต่อไป เพราะนั่นหมายถึงความอยู่รอดในยุคดิจิทัล คุณเบญญา จงมีสุข Associate Planner Director dotMatters จะมาเล่าถึง Digital Trend ในปี 2020 การทำการตลาดออนไลน์ด้วยแพลตฟอร์ม รวมถึงการซื้อโฆษณาออนไลน์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายเพื่อเป็นแนวทางสำหรับมือใหม่หัดขายออนไลน์จะได้เข้าใจในหลักการและสร้างธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้


Digital Trend 2020

ปัจจุบันไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าโซเซียลมีเดียคือสื่อที่ทรงอิทธิพลแห่งยุคดิจิทัล สามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ในแบบวงกว้างและเฉพาะกลุ่มมากกว่าสื่อแบบดั้งเดิม คุณเบญญาจาก dotMatters ได้กล่าวว่าในหลายปีที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก สามารถสร้างการเติบโต เพิ่มยอดขาย สร้างกำไรให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยจุดเด่นคือสามารถกำหนดการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าสื่อแบบเดิม ในขณะที่ ปัจจุบันประชากรคนไทยเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ต่อปี แต่ประชากรคนไทยในโซเซียลมีเดียกลับเพิ่มมากขึ้นปีละ 2 ล้านคน นั่นหมายความว่าคนไทยใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้นทุกปีและที่สำคัญคือมีประชากรที่เป็นกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุใช้โซเซียลมีเดียเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ โลกออนไลน์จึงคือแหล่งรวบรวมลูกค้าทุกเพศทุกวัย การทำโฆษณาบนโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากรายงานของ Hootsuite พบว่าแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้งานมากที่สุด 5 อันดับประกอบด้วย 1.Facebook 2.Youtube  นั่นหมายความว่าทั้ง Facebook และ Youtube คือโซเซียลมีเดียที่มีความสำคัญมาก ขณะที่ LINE ตามมาเป็นอันดับ 3 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทุกคนใช้ในการ chat เพื่อสื่อสารระหว่างกัน 4.FB Messenger และ 5.Instagram  ทั้ง 5 ตัวถือว่าเป็นโซเซียลแพลตฟอร์มที่มีความสำคัญที่ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องใช้ในการทำโฆษณาออนไลน์

คุณเบญญากล่าวต่ออีกว่าเมื่อพูดถึงการขายของออนไลน์ผ่าน e-Commerce คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการขายเสื้อผ้าแต่ความเป็นจริงแล้ว การขายของผ่าน e-Commerce สามารถขายได้หลายอย่างมาก จากสถิติของคนไทยพบว่า 5 อันสินค้าที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดใน e-Commerce ได้แก่ 1.สินค้าแฟชั่นและความงาม 2.สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสื่อ 3.การท่องเที่ยว 4.อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง และ 5.สินค้าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ และในช่วงโควิดที่การท่องเที่ยวต่างประเทศซบเซา แต่แพคเกจท่องเที่ยวภายในประเทศกลับมีการเติบโตมากขึ้น ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าในวิกฤติก็ยังมีโอกาสในการขายออนไลน์ และจากสถิติคนไทยซื้อของออนไลน์ในปี 2019 พบว่ามีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 บาทต่อปี ขณะที่ปี 2020 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 700 บาทหรือคิดเป็น 3,700 บาทต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยช้อปออนไลน์มากขึ้นในราคาที่แพงขึ้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นจะต้องมีการทำโฆษณาออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้

นอกจากนี้การที่คนไทยช้อปของออนไลน์มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ผู้ประกอบการต้องไม่ลืมว่าในสมรภูมิออนไลน์มีคู่แข่งมากมายที่ขายของเหมือนกับเราทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ เมื่อมีคู่แข่งมากการทำการตลาดเพื่อให้เจอลูกค้าที่ใช่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย  ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการซื้อโฆษณาออนไลน์ เพราะยิ่งลูกค้าเห็นสินค้าของเรามากเท่าไหร่โอกาสที่จะขายสินค้าได้ก็มีมากขึ้นเท่านั้น  เพราะการปล่อยแบบ Organic ลูกค้าอาจเห็นเพียงแค่ 10 คนแต่การซื้อโฆษณาจะสามารถระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการได้ ทำให้มีโอกาสกระตุ้นความสนใจของลูกค้าและเกิดการสั่งซื้อสินค้ากับเราในที่สุด นอกจากนี้การซื้อโฆษณาออนไลน์ยังสามารถวัดผลลัพธ์ได้และเห็นได้ว่าเม็ดเงินที่ลงโฆษณาไปนั้นจะมียอดขายเพิ่มขึ้นกลับมาได้เท่าไหร่


ทำไมต้องใช้ Digital Media

ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่าถนนทุกสายมุ่งสู่ออนไลน์ดังนั้นผู้ประกอบการไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ย่อมต้องเดินสู่เส้นทางสายโซเซียลมีเดียเพราะนั่นหมายถึงปริมาณลูกค้ามหาศาลที่รอผู้ประกอบการอยู่ นอกจากนี้ข้อดีของโซเซียลมีเดีย คือ 1.ทำเองได้ง่าย 2.ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา 3.วัดผลได้ 4. ประหยัดงบโฆษณามากกว่า Offline เพราะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ว่าควรจะซื้อโฆษณาเท่าไหร่จากยอดขายหรือกำไรที่มี และ 5.สามารถเข้าหาลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่าง ขายผ้าอนามัย ถ้าโฆษณาในโทรทัศน์ผู้ชายอาจไม่จำเป็นจะต้องเห็นโฆษณานี้แต่ก็ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ลูกค้าผู้ชายที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเห็น แต่ถ้าเป็นการซื้อโฆษณาออนไลน์เราสามารถกำหนดได้เลยว่าให้เห็นเฉพาะผู้หญิงเห็นซึ่งจะประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการให้เห็นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือแม้กระทั่งการกำหนดช่วงอายุให้เห็นก็จะเป็นการโฟกัสไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นไปอีกและยังประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการใช้สื่อแบบดั้งเดิม


ผนึก 3 แพลตฟอร์มช่วยดันยอดขายออนไลน์

แม้ว่าจะมีแพลตฟอร์มออนไลน์หลายตัวที่คนไทยใช้กันแต่มีเพียง 3 แพลตฟอร์มเท่านั้นที่ผู้ประกอบการคนทำธุรกิจจำเป็นจะต้องมีเพื่อเป็นอาวุธในเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งคุณเบญญาแนะนำให้ใช้แพลตฟอร์มดังต่อไปนี้ 1.LINE for Business 2. Google Ads 3.Facebook Ads

1. Line for Business  หรือ LINE Official Account

เป็นบัญชีทางการของ LINE สำหรับธุรกิจที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถสร้างฐานผู้ติดตามร้านได้เอง สามารถสื่อสารกับลูกค้าและส่งข้อมูลกิจกรรมทางการขายและการตลาดหรือโปรโมชั่นไปยังลูกค้าผ่านทาง LINE ซึ่งจะดีกว่า LINE แบบธรรมดาที่ใช้กันทั่วไปเพราะสามารถสื่อสารไปยังลูกค้าได้จำนวนมากในครั้งเดียว แถมมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถบริหารจัดการการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างข้อความทักทาย ข้อความตอบกลับอัตโนมัติ การแชทแบบ 1-1 การบรอดแคสต์ไปยังผู้ติดตามทั้งหมดหรือการบรอดแคสต์แบบระบุกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น  ดังนั้นจึงอยากให้ SME ทดลองใช้และเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีถ้าหากจะทำธุรกิจออนไลน์

2. Google Ads

จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทุกวันนี้เวลาจะซื้อของคนส่วนใหญ่จะทำการเสิร์ชเพื่อหาข้อมูล ดังนั้นการที่ลูกค้าเสิร์ชแล้วพบเห็นชื่อร้านหรือสินค้าขึ้นอยู่หน้าแรกโอกาสที่ขายสินค้าได้มีมากกว่า ซึ่งการซื้อ Google Ads สามารถซื้อคีย์เวิร์ดให้ลูกค้าเสิร์ชเจอสินค้าได้ คุณเบญญาแนะนำว่าผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าเสิร์ชหาเจอเว็บไซต์ ซึ่งเป็นการแสดงตัวตนบนโลกออนไลน์ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ ลูกค้าเกิดความมั่นใจในสินค้าและบริการ นอกจากนี้ควรมีการทำคลิปวิดีโอแนะนำสินค้าหรือบริษัทลงในยูทูบแล้วซื้อ YouTube Ads จะเป็นเทคนิคที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดเพราะระบบของยูทูบมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามความสนใจ ตามช่องที่ลูกค้าติดตาม เช่น ขายตะหลิวสามารถยิง Ads ขั้นระหว่างรายการที่เกี่ยวเนื่องได้บนช่องยูทูบ เป็นต้น  นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรทำโฆษณาร้านผ่านการปักหมุดบน Google เพื่อเป็นการสร้างตัวตนบนออนไลน์ เพราะเมื่อมีคนเสิร์ชหาร้านโอกาสที่ร้านค้าของเราจะปรากฏบนหน้าจอมือถือมีมากกว่าและเป็นการโฆษณาธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีค่าใช้จ่ายและถ้าหากเป็นลูกค้าของ SCB อยู่แล้วก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีกเพราะ SCB มีบริการปักหมุดให้กับลูกค้าแบบฟรีๆ ผ่านบริการ SCB Google MyBusiness  สามารถสมัครและยืนยันตัวตนผ่านแอป SCB EASY ได้เลย

3.  Facebook Ads

ทำไมต้องซื้อโฆษณาใน Facebook Ads เพราะว่ามีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เยอะมาก (Target Audience) เช่น ถ้าไม่รู้ว่าใครคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็สามารถใช้ location ในการหาลูกค้าได้ หรือ Target คนที่เป็น Fanpage ใน Facebook เพราะกลุ่มคนที่กดติดตาม Page คือกลุ่มคนที่สนใจในสินค้าและบริการของเรา อาจมีคำถามว่าทำไมต้องซื้อโฆษณาให้ Fanpage เห็นเพราะว่า Facebook มีการจำกัดสิทธิ์ในการเห็นโพสต์ ดังนั้นจำเป็นจะต้องซื้อโฆษณา นอกจากนี้ Facebook ยังมีลูกเล่นที่หลากหลาย เช่น การกำหนดโฆษณาให้เฉพาะคนที่มีแนวโน้มว่าจะสนใจสินค้าของเรา สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามอายุ ความสนใจ พื้นที่ หรือการทำ Lookalike กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันหรือมีความสนใจเหมือนกับกลุ่มลูกค้าเดิมของเรา เป็นต้น ผู้ประกอบการจะเห็นได้ว่าการโฆษณาผ่าน Facebook ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดและประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการซื้อโฆษณาแบบออฟไลน์

adMATTERS คืออะไร

คุณเบญญากล่าวว่า adMATTERS เป็นแอปพลิเคชั่นตัวกลางที่ช่วยจัดการโฆษณาบน Facebook & Instagram แบบอัตโนมัติด้วยอัลกอริทึมที่เขียนโดยใช้แนวคิดจากการทำงานแบบมีเดียเอเจนซี่มืออาชีพ adMATTERS จึงเหมาะกับผู้ประกอบการ SME ที่อยากขายออนไลน์แต่อาจจะไม่มีเวลาหรือประสบการณ์ในการทำออนไลน์มากนักช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช่อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ adMATTERS ยังมีเว็บไซต์ที่มาพร้อมระบบการจัดการโฆษณาบน Facebook สามารถ optimize โฆษณาบน Facebook ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยจัดสรรงบประมาณให้คุ้มค่า ตรงกลุ่มเป้าหมาย ช่วยเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของ adMATTERS

การปรับตัวของผู้ประกอบการสู่ออนไลน์ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงคือทางรอดเดียวที่จะนำธุรกิจให้ก้าวเดินต่อไปได้ แต่ถ้าหากยังฝืนทำแบบเดิมอีกต่อไป ธุรกิจก็จะถูกกลืนหายจมดิ่งสู่ท้องทะเลออนไลน์ไปตลอดกาล


ข้อมูลอ้างอิงจาก : We Are Social / Hootsuite


ที่มา : งานสัมมนา SSME & SHIPPOP ธุรกิจ Franchise@SCB Business Center สยาม วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563