วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนล้วงกระเป๋าที่ต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร

ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศอังกฤษทั้งหมด 15 วันจากคำเชิญชวนของเพื่อนที่อยู่ประเทศอังกฤษ ทั้งๆ ที่ก่อนเดินทาง เพื่อนได้เตือนแล้วเตือนอีกเกี่ยวกับมิจฉาชีพ โดยเฉพาะโจรล้วงกระเป๋าที่อังกฤษ ก็ยังมิวายโดนล้วงกระเป๋าเข้าจนได้ บทความนี้จึงต้องการนำเสนอวิธีป้องกันไม่ให้โดนล้วงกระเป๋า และหากโดนล้วงกระเป๋าไปแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง


อยากจะบอกว่า ‘เกิดมาจนปูนนี้ และเที่ยวมาแล้วนับไม่ถ้วน ยังไม่เคยถูกล้วงกระเป๋ามาก่อนเลย’ เพราะผู้เขียนนิยมเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค และมักไปกับแม่เพียง 2 คน จึงทำให้มีความระมัดระวังตัวสูง อย่างไรก็ตามการเดินทางเพียง 2 คนในคราวนี้กลับตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ ในทริปนี้เราเที่ยวนอกเมืองอยู่ 4 วัน จากนั้นก็กลับมาเที่ยวที่ลอนดอน เข้าลอนดอนวันแรกก็เจอดีเลยค่ะ เราถูกล้วงกระเป๋า!  กว่าจะมารู้ตัวอีกทีตอนจะซื้อตั๋วเรือล่องแม่น้ำเทมส์ เพราะจะหยิบกระเป๋าสตางค์ แต่เจ้ากรรม! ปรากฎว่ากระเป๋าเป้เปิดอยู่ และกระเป๋าสตางค์ได้อันตรธานหายไปแล้ว ก็มานั่งนึกว่าน่าจะหายที่ตรงไหน แล้วก็นึกได้ว่ามีผู้ต้องสงสัยทำตัวประหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยว 2 คนคอยเดินตามเราอยู่ตลอดเวลา เราเดินไปไหนก็เดินตาม เรานั่งตรงไหนก็นั่งด้วย คงอาศัยทีเผลอ แล้วก็มาล้วงกระเป๋าสตางค์เราไป เพราะตอนผู้เขียนหันมาอีกที 2 คนนี้ก็ไม่ได้เดินตามแล้ว (เพราะได้กระเป๋าสตางค์ไปแล้วนั่นเอง) 

สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาเพื่อน โดนเพื่อนบ่นจนหูชาเลย เพราะเพื่อนได้เตือนแล้วเตือนอีก เรายังโดนล้วงกระเป๋ากันจนได้ แต่เพื่อนเตือนแค่ตอนขึ้นรถไฟ เพราะมิจฉาชีพจะมาเบียดเราบนรถไฟ ล้อมหน้าล้อมหลัง และล้วงกระเป๋าเราไปในที่สุด ทำให้ผู้เขียนระมัดระวังตัวเป็นอย่างมากตอนขึ้นรถไฟ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้คาดคิดถึงมุกนักท่องเที่ยวเลย เราคิดว่า 2 คนนั้น เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ ทำได้แนบเนียนมาก  เราต้องยอมรับว่า มิจฉาชีพไม่ใช่คนโง่ พวกเขาฉลาดและรู้จักวิธีในการเอาทรัพย์สมบัติจากนักท่องเที่ยว ผ่านการฝึกฝนทุกวัน ทำเป็นอาชีพ ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อปกป้องตัวเอง คือ ต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นแหล่งหากินของมิจฉาชีพมากเท่านั้น

สิ่งที่ทำถัดมา คือ การอายัติบัตรเครดิต ซึ่งนับได้ว่าเป็นจุดบอดของเราที่เอาเงินสด ทั้งเงินปอนด์ และเงินบาท และบัตรเครดิตใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ใบเดียวกัน ทำให้บัตรเครดิตทั้งหมดหายไปกับกระเป๋าสตางค์ด้วย โชคดีที่พกเงินปอนด์ไม่เยอะ แค่พอใช้ในแต่ละวัน ทำให้เงินหายไม่มาก แต่บัตรเครดิตหมด ก็เลยต้องรีบอายัติบัตรเครดิต โชคดีที่บัตรเครดิต SCB สามารถทำการระงับใช้บัตรชั่วคราวผ่าน SCB EASY App ได้เลย สะดวกสบายมาก แต่สำหรับบางใบที่ไม่สามารถอายัดผ่านโมบายล์ แบงก์กิ้ง ก็ต้องโทรไปที่เบอร์คอลล์ เซ็นเตอร์ เพื่อทำการอายัติบัตรเครดิต ดังนั้นการมีสัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ จะทำให้เราสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที

ความโชคดีอีกอย่าง คือ เกิดเหตุตอนที่ไปพักที่บ้านเพื่อน เพื่อนจึงให้ยืมเงินได้ อันที่จริงหากไม่ช้อปปิ้ง เงินปอนด์ที่เตรียมไปก็พออยู่ เพราะคิดว่าจะช้อปปิ้งด้วยการรูดบัตรเครดิต และที่สำคัญหนังสือเดินทางไม่หาย ถ้าหนังสือเดินทางหายไปด้วยล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยทีเดียว


หลังจากนั้นเราเกือบตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพอีกครั้ง ระหว่างที่เดินที่ตลาด...ที่พลุกพล่าน เราเผลอสะพายเป้ด้านข้างแวบเดียว จังหวะนั้นได้ยินเสียงรูดซิบเป้ชัดมาก จึงหันไปมองและจ้องหน้าผู้หญิงคนนั้นที่กำลังรูดซิบเป้ นางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะเห็นว่ามีมิจฉาชีพอยู่เสมอในแทบทุกที่  สิ่งที่เราทำได้ คือ การระมัดระวังตัวอย่างดีที่สุด แต่ต่อให้ระมัดระวังตัวดีแค่ไหน เราก็อาจจะพลาดตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้เช่นกัน ดังนั้นเรามาสรุปกันว่าวิธีป้องกันไม่ให้โดนล้วงกระเป๋า และหากโดนล้วงกระเป๋าไปแล้วต้องทำอย่างไรบ้างกันดีกว่า

วิธีป้องกันไม่ให้โดนล้วงกระเป๋า

  • ควรเก็บกระเป๋าสตางค์แยกไว้กับเงินสดและบัตรเครดิต อาจกระจายเป็น 2-3 ที่เพื่อกระจายความเสี่ยง อย่าเอาทุกอย่างใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่เดียว เพราะหากสูญหายขึ้นมา จะหายไปหมดทุกอย่าง

  • อย่าพกเงินสดเยอะ การพกบัตรเครดิตจะปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตาม ให้เก็บเงินสดกับบัตรเครดิตไว้คนละที่

  • การพกกระเป๋าสตางค์ ไม่ควรใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อที่มีลักษณะตื้น เพราะจะถูกล้วงง่าย

  • กระเป๋าสะพายควรจะมีซิปรูดปิดมิดชิด หรือถ้าเป็นกระเป๋าเป้ควรจะมีซิปรูดและควรมีช่องใส่หลายๆ ชั้น การรูดซิปกระเป๋าควรจะรูดจนสุดไปข้างใดข้างหนึ่ง และสะพายไว้ด้านหน้าเสมอเมื่ออยู่ในสถานที่ๆ มีคนพลุกพล่าน

  • ไม่ควรนำของมีค่าที่ไม่จำเป็นเดินทางด้วย เช่น นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เพราะเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจมิจฉาชีพมาก และทำให้เราตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย

  • หากมีโรคประจำตัว ให้จดชื่อยาประจำตัวพร้อมขอใบรับรองแพทย์ไปด้วย หากกรณีที่ยาของเราสูญหายไปพร้อมกระเป๋าจะได้หาซื้อ หรือขอให้แพทย์สั่งยาดังกล่าวให้ได้

  • ถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญทุกอย่าง เช่น หน้า Passport หน้าวีซ่าทุกหน้าเก็บไว้กับตัวอีก 2 ชุด

  • ถ่ายเอกสารหน้าบัตรเครดิตไว้กับตัว 2 ชุด

หากโดนล้วงกระเป๋าไปแล้วต้องทำอย่างไร

  • อายัดบัตรเครดิตทุกใบที่หายไปทันที

  • ตั้งสติ และเดินไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณนั้น แล้วแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากไปกับทัวร์ให้รีบไปแจ้งหัวหน้าทัวร์

  • ให้เจ้าหน้าที่หรือหัวหน้าทัวร์พาท่านไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แล้วยื่นเอกสารที่ได้ถ่ายสำเนาให้ดูเพื่อเป็นหลักฐาน

  • กรณีที่หนังสือเดินทางหาย ให้นำเอาเอกสารที่แจ้งความทั้งหมดไปที่สถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ แล้วยื่นเอกสารที่ถ่ายสำเนาให้ดูเพื่อเป็นหลักฐาน และให้ทางสถานทูตทำหนังสือเดินทางและออกวีซ่าชั่วคราวให้

  • ถ้าหากของเหล่านี้สูญหายตอนวันใกล้เดินทางกลับ ให้รีบโทรแจ้งสายการบินหรือบริษัททัวร์ที่ออกตั๋วไว้ว่าขอเลื่อนวันกลับออกไป ตามที่สถานทูตแจ้งวันที่จะออกวีซ่าให้


สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ สิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม และไม่ควรประมาทเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าต้องระแวงไปเสียทุกอย่างจนทำให้เที่ยวไม่สนุก แค่ระวังอย่างสมเหตุสมผล และมีสติอยู่ตลอดเป็นพอ

      

บทความโดย :  นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร