ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
งัดกลยุทธ์รับมือ PM 2.5
เมื่อพูดถึงการใช้ชีวิต เชื่อว่าทุกคนอยากมีชีวิตที่ดีตลอดทุกช่วงชีวิต ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน และสุขภาพ ชีวิตราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ เข้ามา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนมีความเสี่ยงที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด นั่นคือ เจ็บป่วย และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงกับทรัพย์สินที่เราสร้างกันมา เช่น รถยนต์ บ้านที่อยู่อาศัยอีกด้วย โดยทั่วไปวิธีจัดการความเสี่ยง จะพิจารณาจากโอกาสที่เกิดขึ้น และผลกระทบที่มีต่อเราหรือทรัพย์สินของเราหากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น แบ่งออกได้ 4 วิธีตามตารางด้านล่าง
สูญเสียน้อย |
สูญเสียมาก |
|
โอกาสน้อย | ยอมรับความเสี่ยงไว้เอง (Accept) |
ถ่ายโอนความเสี่ยงให้ผู้อื่น (Transfer) |
โอกาสมาก | ควบคุมความเสี่ยง (Control) |
หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Avoid) |
สำหรับความเสี่ยงที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนคงนึกถึง ความเสี่ยงของฝุ่น PM2.5 หรือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งก็คือ มลพิษฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ กล่าวคือ เล็กจนสามารถเล็ดลอดขนจมูกเข้าสู่ร่างกายได้ และมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของขนาดเม็ดเลือด (5 ไมครอน) ดังนั้น ฝุ่นพิษจึงสามารถเข้าสู่เส้นเลือดฝอยและกระจายไปตามอวัยวะได้ ฝุ่นจะมีลักษณะที่ขรุขระคล้ายสำลี จึงสามารถนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งอื่นๆ
จากการศึกษาโดย Institute for Health and Evaluation มหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบว่ามลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยร่วมที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารเคมีหลายชนิด ทั้งที่เป็นสารระคายเคืองไปจนถึงสารก่อมะเร็ง และเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็งปอด และโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่าง เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และความสูญเสียให้กับครอบครัว โดยในเบื้องต้นเมื่อสูด PM2.5 เข้าไปจะทำให้แสบตา แสบคอ แสบจมูก บางรายลมพิษขึ้น ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเล็กน้อยตั้งแต่เจ็บป่วยไอจาม ไปจนถึงรักษาตัวในโรงพยาบาล และในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรง โดยเฉพาะในผู้ป่วยรายที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองอาจทำให้ทุพพลภาพและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เราจะมีวิธีบริหารจัดการความเสี่ยงฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างไรนั้น สามารถประยุกต์ 4 เทคนิคจัดการความเสี่ยงข้างต้น ได้ดังนี้
ความเสี่ยง | ความสูญเสีย | โอกาส | วิธีจัดการความเสี่ยง | |||
หลีกเลี่ยง ความเสี่ยง |
ควบคุมความเสี่ยง | รับความเสี่ยงไว้เอง | ถ่ายโอนความเสี่ยง | |||
เสียชีวิต | มาก | น้อย |
ย้ายที่อยู่ |
- ออกกำลังกาย |
สำรองเงินให้เพียงพอ |
ประกันชีวิต |
ทุพพลภาพ | มาก | น้อย | สำรองเงินให้เพียงพอ สำหรับค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่าย ในการดำรงชีพ |
ประกันทุพพลภาพ | ||
โรคร้ายแรง | มาก | น้อย | - ออกกำลังกาย |
ประกันโรคร้ายแรง | ||
รักษาตัวในโรงพยาบาล | มาก | น้อย | ประกันสุขภาพ | |||
เจ็บป่วยเล็กน้อย | น้อย | ปานกลาง |
กลยุทธ์ในการรับมือ PM2.5
การบริหารความเสี่ยงในชีวิตจริง ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเพียงวิธีใดวิธีหนึ่ง เราสามารถประยุกต์ใช้หลายวิธีพร้อม ๆ กัน เพื่อลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดได้ เช่น คนที่มีกำลังทรัพย์น้อย สามารถควบคุมความเสี่ยงโดยใช้หน้ากากอนามัยแทนหน้ากากกรองฝุ่นเมื่อออกจากบ้านหรือที่ทำงาน ปิดหน้าต่างที่บ้าน และรับความเสี่ยงไว้เองในกรณีที่เจ็บป่วยจากฝุ่น PM 2.5 โดยการใช้สิทธิ์ที่มีจากประกันสังคมหรือประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในขณะที่คนที่พอมีกำลังทรัพย์ หรือเจ้าของกิจการ สามารถควบคุมความเสี่ยงโดยสวมหน้ากากกรองฝุ่น ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศทั้งที่บ้านและรถยนต์ ซื้อวิตามินซี อี และโอเมก้า3ทาน หลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยเลือกทำงานที่บ้าน ไม่ออกไปข้างนอก และถ่ายโอนความเสี่ยงด้วยการซื้อประกันสุขภาพเพิ่ม
จะเห็นได้ว่า เมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต ที่ประเมินแล้วน่าจะเป็นความเสี่ยงกระทบต่อสวัสดิภาพของชีวิต ก็สามารถนำวิธีจัดการความเสี่ยงข้างต้นมาประยุกต์ใช้ได้ โดยประเมินโอกาสและความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อเลือกหาวิธีรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดผลกระทบขึ้นจริงๆ ก็จะไม่ส่งผลกับชีวิตตัวเราเองและคนในครอบครัวมากนัก เนื่องจากได้วางแผนเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าไว้อย่างดีแล้ว
บทความโดย
กนกพร อัศวยนต์ชัย นักวางแผนการเงิน CFP®
ขอบคุณข้อมูลจากสมาคมนักวางแผนการเงินไทย http://www.tfpa.or.th