ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
4 วิธีเคลียร์ปัญหาหลังเลิกรา เมื่อกู้ร่วมซื้อบ้าน
สำหรับคู่รักที่กู้ซื้อบ้านด้วยกัน และเมื่อผ่อนบ้านไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ความสัมพันธ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ต้องเลิกรา แยกย้ายจากกัน แต่การผ่อนบ้านยังคงต้องดำเนินต่อไป เพราะต้องใช้เวลาในการผ่อนชำระนานนับสิบปี ดังนั้น หากเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นจะทำอย่างไร เพื่อให้การผ่อนบ้านไม่สะดุด และไม่มีปัญหาตามมา
· ตกลงหาทางออกร่วมกัน
หลังความสัมพันธ์มาถึงทางตัน และตกลงแยกย้าย บ๊ายบายสถานะคนรัก
หรือสามีภรรยากันแล้ว แต่ยังมีภาระการกู้ร่วม ผ่อนบ้านด้วยกันอยู่
สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การพูดคุยหาทางออกร่วมกันว่า จะทำอย่างไร
บ้านหลังนี้จะเก็บไว้และผ่อนต่อหรือไม่ ฝ่ายไหนจะเป็นคนรับภาระผ่อนต่อไป
หากมีฝ่ายที่อยากได้บ้านหลังนี้เก็บไว้ และต้องเป็นคนผ่อนต่อ
ฝ่ายนั้นมีความสามารถในการผ่อนชำระต่อคนเดียวไหวหรือไม่ หากต่างฝ่าย
ต่างไม่ต้องการเก็บบ้านหลังนี้ไว้ หรือไม่มีความสามารถผ่อนต่อคนเดียวได้
อาจต้องขายบ้าน และนำเงินที่ได้มาโปะหนี้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองฝ่ายตกลงหาทางออกร่วมกันอย่างไร
· ถอดชื่อผู้กู้ร่วม
หากตกลงกันแล้วว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะผ่อนบ้านหลังนี้ต่อ ให้ไปติดต่อธนาคาร
เพื่อขอถอดชื่อผู้กู้ร่วมออก โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
สำหรับคู่ที่จดทะเบียนสมรสกัน ให้นำเอกสารการจดทะเบียนหย่า
ทำสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างอดีตสามี ภรรยา
เพื่อนำไปขอสินเชื่อใหม่สำหรับฝ่ายที่จะผ่อนต่อ และเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
หลังจากนั้นไปโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน ซึ่งค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากร
และภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับการยกเว้น
เพราะเป็นการกู้ร่วมซื้อบ้านหลังจดทะเบียนสมรสแล้ว
บ้านหลังนี้จึงถือเป็นสินสมรส สำหรับกรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันว่าจะให้ใครเป็นคนถือกรรมสิทธิ์ต่อในฐานะผู้กู้คนเดียว
และแจ้งขอถอดชื่อผู้กู้ร่วมอีกคนออก เนื่องจากการเลิกรากัน
จากนั้นธนาคารจะประเมินความสามารถในการผ่อนชำระว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะผ่อนต่อคนเดียว
หากไม่สามารถผ่อนต่อคนเดียวได้
จะต้องหาผู้กู้ร่วมใหม่ที่เป็นเครือญาติของผู้กู้
แต่หากประเมินแล้วว่าสามารถผ่อนต่อคนเดียวไหว ขั้นต่อไป คือ
ทำสัญญาจะซื้อจะขาย และโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของอีกฝ่าย
ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 5% ของราคาบ้านและที่ดิน
· รีไฟแนนซ์บ้าน สำหรับวิธีนี้จะเป็นทางออกกรณีที่เราขอถอดชื่อผู้กู้ร่วมไม่สำเร็จ เพราะธนาคารประเมินแล้วว่าความสามารถในการผ่อนคนเดียวอาจเป็นไปไม่ได้ การยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อกู้เงินจากธนาคารใหม่ จะช่วยนำไปปลดภาระจากธนาคารเดิม เปลี่ยนสัญญาจากผู้กู้ร่วมเป็นผู้กู้คนเดียว ช่วยลดภาระการผ่อนต่อเดือนให้น้อยลง มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม โดยจะต้องพิจารณารายได้ของผู้กู้ ภาระหนี้ต่อเดือนของผู้กู้ ประวัติเครดิตบูโร และอื่น ๆ ตามเกณฑ์ของธนาคารแต่ละแห่ง ซึ่งหากรีไฟแนนซ์ผ่าน ก็จะมีขั้นตอนการจดจำนองใหม่ มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย
· ขายบ้านจบปัญหา หากตกลงกันทั้งสองฝ่ายแล้วว่า
จะไม่เก็บบ้านหลังนี้ไว้
การขายบ้านเพื่อจบปัญหาก็ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีกับทุกฝ่าย
เพราะไม่ต้องเป็นภาระในการผ่อนต่อของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
และสามารถเคลียร์ยอดหนี้กับธนาคารได้ โดยการขายบ้านอาจต้องใช้เวลา
และมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กรณีการโอนกรรมสิทธิ์เมื่อขายบ้านได้แล้ว เช่น
ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีธุรกิจเฉพาะ
เป็นต้น
หากใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่ การปรึกษาและตัดสินใจร่วมกัน คือ วิธีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ทางออกที่ลงตัวกับทุกฝ่าย ช่วยคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น สำหรับใครที่อยากรีไฟแนนซ์บ้านใหม่ สามารถดูข้อเสนอดี ๆ ได้ที่ /th/personal-banking/loans/home-loans/refinance-loan/home-loan-refinance.html
รีไฟแนนซ์บ้าน ผ่านสินเชื่อบ้าน SCB กู้ผ่านง่าย ช่วย ลดภาระดอกเบี้ย เลือกผ่อนได้สบายตามความต้องการ แถมเป็นเจ้าของบ้านไวกว่าเดิม