SCB CIO Wealth Insight Ep.32
"เจาะหุ้น AI วิเคราะห์ผลเลือกตั้งอินเดีย-ฝรั่งเศสและมาตรการกระตุ้นตลาดทุนไทย"
01 กรกฎาคม 2567 SCB Chief Investment Office (CIO) วิเคราะห์ประเด็นหลักที่มีผลต่อแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก (Global Asset Allocation) ประกอบด้วย
- โอกาสการลงทุนในธุรกิจ AI กำลังขยายตัวจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ไปสู่กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Data Center และ Server รวมถึงกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่นำ AI มาใช้ ซึ่งเรามองเห็นโอกาสลงทุนกลุ่มเหล่านี้ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้
- ผลการเลือกตั้งอินเดียที่ออกมาช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นไปตามนักลงทุนคาด เมื่อพรรค BJP ไม่ได้ที่นั่งในสภาเกินครึ่งหนึ่ง ทำให้ต้องจับมือพรรคร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เมื่อประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีออกมา ส่วนใหญ่ยังมาจากพรรค BJP เป็นหลัก มีเพียง 2 ตำแหน่งที่มาจากพรรคร่วม ก็ทำให้ตลาดมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นว่า การสานต่อนโยบายจะมีความต่อเนื่อง ในส่วนของโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียหลังจากนี้ เรามองว่าจะอยู่ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ โดยโอกาสจะอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ มากกว่าหุ้นขนาดกลางและเล็ก ขณะที่ เราแนะนำลงทุนตลาดหุ้นอินเดียระยะยาวบนพอร์ตลงทุนหลัก ตามความเสี่ยงที่รับได้ แต่ยังไม่เหมาะสมสำหรับลงทุนระยะสั้นบนพอร์ตลงทุนเสริม เพราะตลาดยังมีแรงซื้อขายการเก็งกำไรค่อนข้างสูง
- จับตาการเลือกตั้งของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีขึ้น จากการที่ประธานาธิบดี Macron ของฝรั่งเศส ยุบสภาภายหลังพ่ายแพ้ให้กับพรรคฝั่งขวาจัดของประเทศต่างๆ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาสหภาพยุโรป โดยกรณีที่การเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคของ Macron ยังสามารถครองเสียงข้างมาก จะทำให้การผลักดันนโยบายและการปฏิรูปต่างๆ มีความต่อเนื่อง ส่วนแผนลดการขาดดุลการคลังก็จะดำเนินต่อไป แต่กรณีที่พรรคของ Macron ได้คะแนนเสียงใกล้เคียงพรรคอื่น หรือไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากเลย อาจทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีเสถียรภาพค่อนข้างน้อย หรือ กรณีพรรคขวาจัดได้เสียงข้างมากไป จะทำให้เกิดความกังวลบนประเด็นการใช้จ่ายทางการคลังที่เพิ่มมากขึ้นได้ ดังนั้น ในส่วนของการลงทุน เรามองว่า ยังคงต้องจับตาประเด็นการเมืองฝรั่งเศสใกล้ชิด ขณะที่ มูลค่าหุ้นยุโรปยังถูก และหุ้นยุโรปเพิ่งจะถูกปรับประมาณการกำไรดีขึ้น เราจึงแนะนำให้ยังลงทุนในตลาดหุ้นยุโรประยะยาว บนพอร์ตลงทุนหลักได้ ขณะที่ การลงทุนระยะสั้น บนพอร์ตเสริม ยังลงทุนได้อยู่ เพราะความเสี่ยงขาลงยังมีน้อย เพียงแต่ให้ติดตามข่าวการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด
- วิเคราะห์มาตรการส่งเสริมตลาดทุนหลัง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศปรับเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวม ThaiESG เพิ่มวงเงินลดหย่อนเป็น 300,000 บาท และลดระยะเวลาการถือครองเหลือเพียง 5 ปี รวมถึงขยายนโยบายลงทุน เพิ่มด้านบรรษัทภิบาลเข้าไป ทำให้มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายเพิ่มจาก 128 บริษัท เป็นกว่า 200 บริษัท นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ ซึ่งต้องรอติดตามรายละเอียดของกองทุนอีกครั้ง พร้อมทั้งมีมาตรการอื่นๆ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่น และพัฒนาตลาดทุนไทย โดยเรามองว่า ในส่วนของการปรับเงื่อนไข ThaiESG อาจจะผิดคาดไปเล็กน้อย จากเดิมที่ต้องการให้ฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมา ซึ่งกองทุนนี้ลงทุนหุ้นไทย 100% ขณะที่ ThaiESG มีนโยบายให้ลงทุนได้ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ESG ในไทย ดังนั้นก็อาจจะทำให้เราเห็นเงินลงทุนส่วนใหญ่ไปลงทุนในตราสารหนี้แทน เพราะความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้น มีน้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น ด้วยเหตุผลนี้เราจึงไม่แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นในตลาดหุ้นไทย เพราะนอกจากแรงกระตุ้นจะน้อยลงเพราะไม่ใช่การฟื้นกองทุน LTF แล้ว ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจไปกระทบการเบิกจ่ายงบภาครัฐอยู่
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ใน SCB Wealth LineOA ด้วยการพิมพ์ค้นหา @scbwealth
#SCB #SCBCIO #INVESTMENT #WEALTH