ก่อนการลงทุน ต้องรู้จักดัชนีหุ้นไทย

บทความโดย   นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®   นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร

ในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราน่าจะเคยได้ยินที่ผู้ประกาศข่าวเศรษฐกิจกล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยบวก xx จุดหรือลบ xx จุด แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร และมีที่มาจากไหน บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจดังกล่าว


ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับดัชนีหุ้นกันก่อนว่าคืออะไร


ดัชนีหุ้น คือ ตัวเลขที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ดัชนีนั้นๆ อ้างอิง เช่น SET Index เป็นดัชนีที่สะท้อนราคาหุ้นทุกตัวที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Exchange of Thailand, SET)


ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์คำนวณโดยใช้วิธีถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization Weighted) ด้วยการเปรียบเทียบมูลค่าตลาดในวันปัจจุบันของหลักทรัพย์ (Current Market Value) กับมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ในวันฐานของหลักทรัพย์ (Base Market Value) คือ วันที่ 30 เมษายน 2518 (วันแรกที่มีการเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ซึ่งดัชนีมีค่าเริ่มต้นที่ 100 จุด โดย SET Index มีสูตรดังนี้


SET Index = ( ) x ค่าฐานของดัชนี



โดยที่


มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (Current Market Value) คือ มูลค่าตลาดรวมของหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันปัจจุบัน


มูลค่าตลาดรวมวันฐาน (Base Market Value)
คือ มูลค่าตลาดรวมของหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันฐาน ซึ่งก็คือมูลค่า ณ วันที่ 30 เมษายน 2518


ค่าฐานของดัชนี (Base Value)
คือ เลขที่เป็นฐานของดัชนีนั้นๆ โดยที่ ค่าฐานของดัชนี SET Index คือ 100 และวันฐาน คือ 30 เมษายน 2518


นอกจาก SET Index แล้ว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของเรายังมี SET50 Index, SET100 Index, SETHD Index, sSET Index และ mai Index ซึ่งแต่ละ Index จะสะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นที่ดัชนีนั้นใช้อ้างอิงแตกต่างกันไป ดังนี้


SET50 Index เป็นดัชนีราคาหุ้นที่ใช้แสดงระดับและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญ 50 ตัว ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสมํ่าเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กําหนด ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการพิจารณาปรับรายการหลักทรัพย์ใน SET50 นี้ ทุก 6 เดือนในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราน่าจะเคยได้ยินที่ผู้ประกาศข่าวเศรษฐกิจกล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยบวก xx จุดหรือลบ xx จุด แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร และมีที่มาจากไหน บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจดังกล่าว


ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับดัชนีหุ้นกันก่อนว่าคืออะไร


ดัชนีหุ้น คือ ตัวเลขที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ดัชนีนั้นๆ อ้างอิง เช่น SET Index เป็นดัชนีที่สะท้อนราคาหุ้นทุกตัวที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Exchange of Thailand, SET)


ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์คำนวณโดยใช้วิธีถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization Weighted) ด้วยการเปรียบเทียบมูลค่าตลาดในวันปัจจุบันของหลักทรัพย์ (Current Market Value) กับมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ในวันฐานของหลักทรัพย์ (Base Market Value) คือ วันที่ 30 เมษายน 2518 (วันแรกที่มีการเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ซึ่งดัชนีมีค่าเริ่มต้นที่ 100 จุด โดย SET Index มีสูตรดังนี้


SET Index = ( ) x ค่าฐานของดัชนี


โดยที่


มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (Current Market Value)
คือ มูลค่าตลาดรวมของหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันปัจจุบัน


มูลค่าตลาดรวมวันฐาน (Base Market Value)
คือ มูลค่าตลาดรวมของหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันฐาน ซึ่งก็คือมูลค่า ณ วันที่ 30 เมษายน 2518


ค่าฐานของดัชนี (Base Value)
คือ เลขที่เป็นฐานของดัชนีนั้นๆ โดยที่ ค่าฐานของดัชนี SET Index คือ 100 และวันฐาน คือ 30 เมษายน 2518


นอกจาก SET Index แล้ว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของเรายังมี SET50 Index, SET100 Index, SETHD Index, sSET Index และ mai Index ซึ่งแต่ละ Index จะสะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นที่ดัชนีนั้นใช้อ้างอิงแตกต่างกันไป ดังนี้


SET50 Index เป็นดัชนีราคาหุ้นที่ใช้แสดงระดับและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญ 50 ตัว ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสมํ่าเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กําหนด ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการพิจารณาปรับรายการหลักทรัพย์ใน SET50 นี้ ทุก 6 เดือน

SET100 Index เป็นดัชนีราคาหุ้นที่ใช้แสดงระดับและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญ 100 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการพิจารณาปรับรายการหลักทรัพย์ใน SET100 นี้ ทุก 6 เดือน


SETHD Index (Set High Dividend 30 Index) เป็นดัชนีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 โดยคัดเลือกหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET 100 ที่มีการจ่ายปันผล 3 ปี ติดต่อกัน และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout Ratio) ไม่เกินร้อยละ 85 จำนวนทั้งหมด 30 หลักทรัพย์ แล้วนำมาคำนวณเป็น SETHD ทั้งนี้เพื่อต้องการสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีการจ่ายปันผลสูงต่อเนื่อง โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเกณฑ์การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งคือเดือน มิถุนายนและธันวาคมของทุกปี


sSET Index เป็นดัชนีราคาหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ใน SET50 และ SET100 เพื่อใช้คาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่ม Small Cap ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยหุ้นที่อยู่ใน sSET ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้


1.  ขนาดบริษัท ต้องเป็นบริษัทที่ไม่ได้ถูกคำนวนอยู่ใน SET100


2.  Free-float ซึ่งคือการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย ต้องมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เป็นรายย่อย ไม่น้อยกว่า 20% ของทุนชำระแล้ว


3.  ปริมาณการซื้อขาย ต้องมีการซื้อขายหุ้นในแต่ละเดือน ไม่น้อยกว่า 0.5% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียน และไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของระยะเวลาการซื้อขายใน 1 ปี


4.   ทั้งนี้ sSET Index ไม่จำกัดจำนวนหลักทรัพย์ที่เข้าคำนวนในตะกร้าดัชนี จะมีกี่ตัวก็ได้


mai Index (mai: Market for Alternatives Investment) เป็นดัชนีราคาหลักทรัพย์ที่สะท้อนภาวะการซื้อขายโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ เอ็ม เอ ไอ ทั้งหมด โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เอ็ม เอ ไอ เป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO (Initial Public Offerring) ตั้งแต่ 20 ล้านขึ้นไป โดยเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และมีแนวโน้มการเติบโตดีในอนาคต

ประโยชน์ของดัชนีราคาหลักทรัพย์

1.  ดัชนีราคาหลักทรัพย์สามารถนำไปใช้ในการอ้างอิง เพื่อประเมินความสำเร็จในการลงทุนของผู้บริหารการลงทุนได้ โดยดัชนีราคาหลักทรัพย์จะเป็นตัวแทนของการลงทุนโดยรวม ซึ่งจะแสดงแนวโน้ม “เฉลี่ย” ของการลงทุนที่ประกอบด้วยหลักทรัพย์ทั้งหมดที่จะลงทุนได้ การใช้งานทำได้โดยเปรียบเทียบผลการลงทุน “เฉลี่ย” ของดัชนีราคาหลักทรัพย์ กับผลการบริหารการลงทุนที่ต้องการจะวัด ก็จะเห็นได้ว่า การบริหารการลงทุนนั้นดีกว่าหรือด้อยกว่าผล “เฉลี่ย” ที่ได้จากดัชนีราคาหลักทรัพย์

2.  ดัชนีราคาหลักทรัพย์นำมาใช้สร้างกลุ่มหลักทรัพย์ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียงกับตลาดหรือดีกว่าตลาดได้ เช่น การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อ้างอิงกับดัชนี ที่เรียกว่า Index Fund โดยผู้จัดการกองทุนจะสร้างพอร์ตการลงทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์ที่คล้ายกับดัชนีราคาหลักทรัพย์ที่อ้างอิง ซึ่งมีข้อดีที่ชัดเจนสำหรับนักลงทุน คือ ได้ประโยชน์จากการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนที่มากจนเกินไป

3.  เป็นประโยชน์ในด้านนวัตกรรมทางการเงิน เป็นการใช้ดัชนีเพื่อการอ้างอิงในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่เรียกว่า ดัชนีเพื่อการซื้อขาย (Tradable Index) ที่สามารถนำไปใช้ในการสร้างสินค้าที่อ้างอิงดัชนี เช่น SET50 Index ซึ่งปัจจุบันเป็น Underlying Index (สินทรัพย์อ้างอิง) ของ TDEX, SET50 Index Futures และ SET50 Index Options ทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากดัชนีในการกระจายการลงทุนและสร้างกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างหลากหลาย เช่น หากเราลงทุนในหุ้นอย่างเดียว เราจะมีโอกาสสร้างกำไรได้ในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น และอาจจะขาดทุนได้หากเป็นตลาดขาลง อย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนที่มีพอร์ตหุ้นที่อยู่ในกลุ่มดัชนี SET50 สามารถใช้ SET50 Index Futures ในการลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตหุ้นได้ โดยหากผู้ลงทุนคาดว่าดัชนี SET50 จะปรับตัวลดลงในอนาคต ผู้ลงทุนก็สามารถ "ขาย" SET50 Index Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนได้โดยที่ไม่ต้องขายหุ้นในพอร์ตออกไป หากดัชนี SET50 ปรับตัวลดลงจริงตามที่คาดไว้  ผู้ลงทุนก็จะได้กำไรจากการขายฟิวเจอร์นั้น มาชดเชยกับการขาดทุนในพอร์ตหุ้น ทำให้ท้ายที่สุดแล้วผู้ลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบในตลาดขาลง หรือ ถ้าได้รับผลกระทบก็ได้รับไม่มากนั่นเอง