“เราทำเกี่ยวกับธุรกิจไก่ครบวงจร ตั้งแต่การกระบวนการเลี้ยงไก่ โรงอาหารสัตว์ และโรงเชือดแปรรูป ลูกค้าของเราส่วนมากจะกลุ่มตลาด และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้ชิ้นส่วนไก่บริษัท เอสพีเอ็มฟาร์ม จำกัด  ตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เราเริ่มจากการทำฟาร์มเลี้ยงไก่มาก่อน แล้วเราก็เริ่มมาคิดแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเรายั่งยืน เราก็เลยมาคิดว่าในวงจรธุรกิจตัวนี้ เราควรจะไปในพาร์ทไหนบ้างในกระบวนการของไก่เองก็มีอยู่ 4 Supply Chain ก็คือมีโรงฟัก โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยง และโรงแปรรูปไก่ เราก็เลยคิดว่าควรจะหาความยั่งยืนให้ตัวเองโดยการออกจาก Contract farming เพื่อมาทำโรงงานเอง”

   “โรงงานเราในแต่ละวันผลิตได้ประมาณ 140-150 ตันต่อวัน จุดแข็งคือ หนึ่งไก่เราเลี้ยงเอง ฟาร์มที่เราเลี้ยงมาจากระบบ Genesis ซึ่งมันทำให้ไก่ที่เลี้ยงได้คุณภาพค่อนข้างดี แล้วพอมาถึงขบวนการของเรา ตั้งแต่ผลิต จนชำแหละ จนถึงชิ้นส่วน ก็ทำให้ชิ้นส่วนเราคุณภาพดีตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนเปลี่ยนก็คือเตรียมการเอาชิ้นส่วนมาคัด มาเกรดไซส์ ทำแพคกิ้ง 2 กิโลกรัม แล้วทำการบรรจุกล่อง เพื่อจะเตรียมสำหรับแช่แข็งส่งออก ซึ่งเราคิดว่าถ้าใบอนุญาตได้ เราก็พร้อมที่จะส่งออกทันที”

   “ธุรกิจของ SPM เราทำธุรกิจกับสิ่งมีชีวิต ภาวะที่เราเห็นคือโลกร้อนส่งผลต่อการเลี้ยง ไก่ อุณหภูมิที่ร้อนมาก มันจะทำให้ระบบ Evap (Evaporative Cooling System) ที่เราเลี้ยงไก่ มันทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะว่าไก่ต้องการอุณภูมิประมาณ 27-28 องศาเซลเซียส ถ้าโลกร้อนไปเรื่อย ๆ แปลว่า Evap ที่เป็นระบบช่วยลดอุณหภูมิได้ 10 องศาเซลเซียส ตามที่เขาเคลมกัน มันจะไม่สามารถจะลดได้ มีผลทำให้ไก่มีโอกาสที่จะโตช้า เพราะอากาศมันร้อน ฉะนั้น เราก็ต้องช่วยกันทำให้ธรรมชาติมันยังคงดีอยู่ เพื่อให้ธุรกิจเรายืนยาวไปข้างหน้า”

   “จุดที่เราเริ่มเลยก็คือเราติดตั้งโซลาร์เซลล์ เราติดตั้งโซลาร์เซลล์ในทุกจุดที่จะเป็นกระบวนการผลิต ทั้งโรงเชือดและในส่วนที่เป็นฟาร์มเลี้ยงทุกจุดเราติดติดทั้งหมด ตอนนี้โซลาร์เซลล์เราติดมาแล้วประมาณ 1 ปี มันค่อนข้างได้ประโยชน์มาก เพราะโดยตรงเลยก็คือลดค่าไฟเลยเห็นชัดเจนสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือปลูกต้นไม้ เราวางแผนว่าจะปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของเรา โดยภายใน 3 ปี ให้ได้ 5% ของพื้นที่ที่เรามีทั้งหมด แล้วตอนนี้โรงงานเรากำลังจะทำเรื่อง Zero Waste ในส่วนของขนไก่ ซึ่งเดิมเราไม่มีโรง Feed Mill ไม่มีโรงงานอาหารสัตว์ ส่วนของขนไก่เราก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่พอตอนนี้เรามี Feed Mill เราก็เลยจะทำโรงงานขนไก่ไฮโดรไลซ์ก็คือขนไก่ป่น สำหรับเอาไปใช้ในอาหารสัตว์ต่อ เราก็เตรียมติดตั้งเครื่องจักรเพื่อจะทำตัวนี้ เรามีน้ำบำบัดซึ่งเป็นค่า BOD (Biochemical Oxygen Demand) ที่ผ่านกระทรวงทรัพยากร แล้วก็โดยพื้นที่ 3,000 กว่าไร่ แถวรอบโรงงาน เราก็ให้เกษตรกรที่ต้องการใช้น้ำรดต้นอ้อย เขาก็สามารถมารับน้ำไปรดต้นอ้อยได้ เพื่อจะได้ช่วยเกษตรกรให้มีความยั่งยืนขึ้นสามารถจะใช้น้ำในช่วงแล้งได้ซึ่งเขาจะได้มีรายได้ตลอดเวลา”

   “ทางโรงงานเราให้ทุนการศึกษาหลาย ๆ โรงเรียน แล้วก็บริจาคเงินร่วมกับโรงพยาบาลหลาย ๆ โรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ และ โรงพยาบาลสีคิ้ว จ.นครราชสีมา เพราะว่าเราตระหนักถึงเรื่องความสำคัญของการให้ มันทำให้เรามีความสุขทั้งตัวเราเองแล้วก็ตัวคนในบริษัท เราทำธุรกิจเราไม่ได้เอาเปรียบคนอื่นแต่เราเอาส่วนที่เราคิดว่าจะได้ไปแบ่งปันคนอื่นด้วยตลอดในช่วงที่เราทำธุรกิจอยู่”

   “บริษัท SPM กำลังเดินไปสู่ธุรกิจไก่แบบครบวงจร ซึ่งเราต้องการแหล่งทุนสินเชื่อที่เข้าใจเราว่าเราจะเติบโตไปในทางไหน ในมิติไหน แล้วเราจะยาวไปถึงขนาดไหนซึ่งตอนนี้ SCB มาดูแลในทุก ๆ ส่วนดีมาก เราก็มีพันธกิจของเราเองแล้วเราก็พยายามจะถ่ายทอดพันธกิจให้กับ SCB ซึ่ง SCB ก็บอกว่าพันธกิจที่เราพูดมาทั้งหมด มันตรงกับ ESG ที่กำลังดำเนินไปในขบวนการของโลกเลย ซึ่งเราเองก็คิดว่าเราคิดถูก มันเลยทำให้เรา SCB มองเป็นภาพเดียวกันในทั้งหมดที่ทำ Zero Waste เขาเข้าใจว่าเราต้องมีการลงทุนแล้วก็พร้อมสนับสนุน แล้วก็ทำให้เรามีความรู้สึกว่าเราก็จะอยู่บนธุรกิจนี้ไปได้อีกยาวนานอย่างยั่งยืน”

   “เราทำธุรกิจมันไม่ได้อยู่แค่เราคนเดียว โลกนี้มันเชื่อมไปทั้งโลก ธุรกิจมันเชื่อมโลกแล้วตอนนี้ วันนี้อาจจะเติบโตในมิติเล็ก ๆ แต่วันข้างหน้าคุณจะไปในมิติที่เติบโตขึ้น ฉะนั้น คุณต้องมองภาพกว้างอะไรที่มันจะแบบทำให้เราเดินไปอย่างยั่งยืนมั่นคง เราอยากให้มองตรงนี้ว่าเราก็ต้องอยู่คู่กับโลกนี้ เราก็ต้องรักษาโรคนี้แล้วก็ทำให้โลกนี้มีทุกอย่างที่เหมือนเดิม รักษามันไว้แล้วมันก็เป็นประโยชน์ด้วยเ พราะอย่างที่เราทำมาตอนนี้มันเป็นประโยชน์ชัดเจน ตอนแรกเรากังวลว่าค่าใช้จ่ายมันสูงแล้วเราจะคุ้มไหม แต่วันนี้เราบอกเลยว่าที่เราทำไปมันมันคุ้มมากกว่าที่เราลงทุน เพราะว่าในอนาคตอีกหนึ่งปี สองปีข้างหน้า ธุรกิจจะต้องโดนข้อกำหนดข้อนี้แน่นอนอย่างหนีไม่พ้น คิดวันนี้ก็ได้ประโยชน์ก่อน”