แม้ประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการแบบไม่มีเงื่อนไขแล้ว แต่ผลพวงของวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ยังฝากรอยแผลไว้กับผู้ประกอบการธุรกิจน้อยใหญ่จำนวนมาก โดยธุรกิจที่หนักหนาสาหัสสุดคงต้องยกให้ธุรกิจโรงแรม/รีสอร์ต เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มปิดประเทศ รายได้จากลูกค้าต่างชาติก็เท่ากับ 0 เจ้าของกิจการหลายแห่งยอมโยนผ้า รับโชคชะตาและความพ่ายแพ้ แต่ก็มีไม่น้อยที่ผ่านมาได้ นิธิพัฒน์ ปัจฉิมนันท์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรม ซี แซนด์ ซัน รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า นาจอมเทียน พัทยา เป็นหนึ่งในจำนวนที่อยู่รอดมาได้ แม้จะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “เจ็บมาเยอะ” แต่นิธิพัฒน์ก็เอ่ยปากตรง ๆ ว่า ที่รอดมาได้ เพราะมีพันธมิตรทางการเงินที่คอย #เคียงข้างเพื่อแนะนำและช่วยเหลือ จนสามารถแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาสที่งดงาม รอการเติบใหญ่อีกครั้ง

เรียนสายตรงเพื่อสานต่อกิจการครอบครัว

“ผมไปเรียนทางด้าน Hotel Management ที่สวิตเซอร์แลนด์ เพราะอยากเรียนรู้เกี่ยวกับงานบริการ พอได้ไปเรียนก็ตรงกับความชอบของตนเอง ทั้งเรื่องการให้บริการ การเอาใจใส่ลูกค้า แต่โดยส่วนตัวจะเน้นเรื่อง service and kitchen มากหน่อย และได้เทรนนิ่งอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ก่อนประมาณ 2 ปี ก่อนจะกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มทำงานเป็น sale coordinator ในช่วงเริ่มต้น  ที่  โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ตอนนี้ใช้ชื่อ ดิ แอทธินี โฮเต็ล อะ ลักชัวรี่ คอลเลคชั่น โฮเต็ล กรุงเทพ ฯ และ ต่อจากนั้น ก็มีโอกาสได้มาทำงานที่เป็นเซลส์ ที่โรงแรมเชอราตัน พัทยา ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น อินเตอร์คอนทินันทอล พัทยา ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 5 ปี พอประสบการณ์จริงเรามากขึ้น จึงตัดสินใจออกมาช่วยงานของครอบครัว งานโรงแรมนี่เรียนจบมาสายตรงยังไม่สำคัญเท่ากับได้ไปทำงานจริง ๆ ไปเจอปัญหาจริง ๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจริง ๆ บริหารโรงแรมต้องใช้จากประสบการณ์ตรง 70% ถึงจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้”

“โรงแรม ซี แซนด์ ซัน รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า นาจอมเทียน พัทยา” เราใช้ชื่อนี้มาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะเข้ามาดูแลรับช่วงต่อ จุดเด่นของเราคือ ความเป็นบูทีคโฮเทลที่มีความเป็นไทยร่วมสมัย (Thai contemporary) จำนวน 60 ห้อง ผมพยายามเก็บคอนเซปต์ตรงนี้ไว้ เพราะว่าจุดขายของเรา คือ Sea Sand หาดที่ตั้งของโรงแรมค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงมากและสะอาด ใครได้มาพักก็ต้องชอบ แขกต่างชาติหรือแม้กระทั่งคนไทย เวลามาเที่ยวทะเล สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่มีอะไรมาก ต้องการทะเลสวยงาม ชายหาดที่สวยงาม และ Sun ทำเลที่ตั้งของเราอยู่ในจุดที่เห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในพัทยา ซึ่งคอนเซปต์ทั้งหมดนี้มันตรงกับชื่อโรงแรมพอดี ชื่อจำง่าย เวลาเราสื่อสารกับลูกค้าก็ชัดเจน ยิ่งถ้าเขาได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ทุกคนจะร้อง ว้าว โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่ได้มาพัก มาสัมผัสกับความเป็น Thai contemporary กลับไปด้วย เขาจะปลื้มมาก นอกจากนี้ ยังมองว่า โรงแรมเราเน้นลักษณะเป็นตัววิลล่า และมีสวน มีพื้นที่ต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ แขกที่มาพักจะได้รับความเป็นส่วนตัวไปเต็ม ๆ ต้นไม้ร่มรื่น หาดทรายสวยงาม”

“ตั้งแต่เปิดโรงแรมมา เราเคยผ่านวิกฤตมามากมาย แต่ไม่รุนแรงเลย ครั้งนี้สุด ๆ มาก วินาทีแรกที่รู้ว่ารัฐบาลสั่งว่าจะปิดประเทศ เราเข้าใจรัฐบาลเพราะเรื่องสุขภาพของคนหรือประชากรเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าคนเกิดติดโควิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจต่างชาติหรือธุรกิจภายในประเทศจะกระทบหมด ฉะนั้นหลังจากที่รัฐบาลประกาศ เราก็ต้องมาพิจารณาว่า โรงแรมเราไม่ได้เป็นโรงแรมใหญ่ เรามีความเป็นรีสอร์ต มีแค่ 60 ห้อง เราจะดำเนินแผนงานอย่างไร เพื่อที่จะ หนึ่ง ต้องดูแลพนักงาน สอง ด้วยการซัพพอร์ตของ SCB หน้าที่ของเรา คือจะใช้โอกาสนี้ปรับปรุงอะไรบ้าง ในเมื่อ SCB SME ให้โอกาสเรา ไม่ทิ้งเรา ต้องขอบคุณ SCB SME ที่ดูแลช่วยเหลือมาตลอด

เพราะฉะนั้นเราวางแพลนว่า เราจะหันมาโฟกัสตลาดภายในประเทศมากขึ้นในช่วงแรก ๆ อีกส่วนหนึ่งเราจะโฟกัสว่า เราต้องไปลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ในช่วงแรกทางเราค่อนข้างกระทบหนัก เพราะรัฐสั่งปิดหมดทุกอย่าง เราประชุมพนักงานของโรงแรมด่วนที่สุด มาคุยกันว่าเราจะมีการดำเนินการอย่างไร แลกเปลี่ยนไอเดียซึ่งกันและกันเราได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกท่าน ในการวางแพลนใหม่ว่า เราจะทำอย่างไรได้บ้าง เช่น 1. พนักงานใช้วันลาหยุดของพนักงาน เพื่อช่วยเหลือทางโรงแรมในด้านต้นทุนค่าแรงพนักงาน 2. เราประชุมกันเพื่อช่วยกันลดค่าใช้จ่าย เราขอปรับเงินเดือนเป็นแบบ leave without pay และขอปรับเป็นจ่าย 50% ตรงนี้เราได้รับความร่วมมือ ช่วยเหลือจากพนักงานทุกคน”

“ด้วยการช่วยเหลือจากทาง SCB SME เราระดมสมองกันว่า ใช้โอกาสที่ไม่มีลูกค้า รีโนเวทโรงแรมเลยดีกว่า เพราะในยามปกติ เราจะไม่สามารถที่จะรับแขกไปด้วยและรีโนเวทไปด้วยได้ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับลูกค้าต่างชาติ เราต้องมีการแจ้งล่วงหน้าก่อน 3 เดือน หากลูกค้าเดินผ่านไปแล้วพบว่าโรงแรมมีการรีโนเวท ทางลูกค้าอาจฟ้องได้ เพราะฉะนั้นช่วงที่เราให้บริการแขกจึงไม่เคยมีการรีโนเวทมาก่อน แต่พอมาถึงช่วงโควิดซึ่งเป็นช่วงเราไม่มีแขกพอดี เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด ต้องขอบคุณทางทีมดูแลพื้นที่ของ SCB SME ที่ดูแลโรงแรม เรากับ SCB SME ช่วยกันมาตลอด เราขอความช่วยเหลือจาก SCB SME ทุกรายละเอียด ทุกประเด็นที่มีและที่เราสามารถทำได้ เราได้รับการพักหนี้นานประมาณ 1 ปีตามนโยบาย และทางเราก็กู้ส่วนหนึ่งที่รัฐบาลสนับสนุน (soft loan) มาช่วยในการดำเนินการธุรกิจ เพราะเราไม่ได้ไล่พนักงานออก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดูแลพนักงาน และอีกส่วนหนึ่งก็นำมารีโนเวทโรงแรม เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น เราพร้อมเปิดให้บริการลูกค้ามาอีกรอบหนึ่งหลังวิกฤตผ่านไป”

เพราะฉะนั้นเราวางแพลนว่า เราจะหันมาโฟกัสตลาดภายในประเทศมากขึ้นในช่วงแรก ๆ อีกส่วนหนึ่งเราจะโฟกัสว่า เราต้องไปลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ในช่วงแรกทางเราค่อนข้างกระทบหนัก เพราะรัฐสั่งปิดหมดทุกอย่าง เราประชุมพนักงานของโรงแรมด่วนที่สุด มาคุยกันว่าเราจะมีการดำเนินการอย่างไร แลกเปลี่ยนไอเดียซึ่งกันและกันเราได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกท่าน ในการวางแพลนใหม่ว่า เราจะทำอย่างไรได้บ้าง เช่น 1. พนักงานใช้วันลาหยุดของพนักงาน เพื่อช่วยเหลือทางโรงแรมในด้านต้นทุนค่าแรงพนักงาน 2. เราประชุมกันเพื่อช่วยกันลดค่าใช้จ่าย เราขอปรับเงินเดือนเป็นแบบ leave without pay และขอปรับเป็นจ่าย 50% ตรงนี้เราได้รับความร่วมมือ ช่วยเหลือจากพนักงานทุกคน”

“เราเป็นลูกค้า SCB มาประมาณ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนโควิด เรียกได้ว่า จะสุข จะทุกข์ก็อยู่ร่วมกันมายาวนาน เวลาเราเสนอแผนงานไป  SCB เขาจะสนับสนุนทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะเสนอแผนงานเล็ก แผนงานใหญ่ ช่วยเราหมด โดยเฉพาะคนที่ดูแลพื้นที่นี้ เวลาที่เรามีปัญหาอะไรต่าง ๆ เขาก็ช่วยเหลือตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง payroll หรือเรื่องต่าง ๆ  และคอยอัปเดตเราตลอดว่า มีโปรโมชั่นตัวใหม่ที่เหมาะกับทางโรงแรม เพื่อให้ทางโรงแรมได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ เราขอชื่นชมในส่วนของทีมงานที่อยู่พื้นที่นี้  ในเชิงการปฏิบัติตัวในฐานะลูกค้าของทาง SCB ในการที่เรากู้เงินมา เราจ่ายตรงเวลา เราไม่เคยผิดนัดแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่ทำธุรกิจกันมา 20 ปี เพราะฉะนั้นเราถือว่าเป็นลูกค้าชั้นดี SCB ก็ช่วยเราโปรโมท ให้การช่วยเหลือ สนับสนุน เป็นคู่ค้าที่ดี ซึ่งสามารถทำให้ที่ผ่านมา 2-3 ปี ทำให้ทางโรงแรมเราผ่านพ้นช่วงโควิดไปได้”

“จากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจมา พัทยาค่อนข้างได้เปรียบเมืองอื่น ๆ สิ่งแรกคือ ลูกค้าเกือบทุกคนต้องการมากรุงเทพฯ เป็นอันดับ 1 แต่จากกรุงเทพฯ มาพัทยา ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ลูกค้าในอนาคตจะได้เห็นแพ็คเกจกรุงเทพฯ–พัทยา ซึ่งเป็นไปได้มาก เพราะตอนนี้พัทยามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก และในอนาคต EEC และอู่ตะเภาที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ลูกค้าสามารถบินตรงจากประเทศต่าง ๆ เข้ามาในพื้นที่โซนพัทยา ซึ่งสถานที่ตั้งของโรงแรมห่างจากสนามบินอู่ตะเภาประมาณ 20 นาที และที่สำคัญ พัทยาเหมาะกับการมาเที่ยวเป็นครอบครัว ดังนั้นเมื่อลูกค้าต่างชาติเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ สามารถเช่ารถตู้เพียงแค่คันเดียว ก็สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว”